แคมเปญใหม่ – ชุตินธร ปักเข็ม ผจก.ทั่วไปธุรกิจผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นประเทศไทย บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด เจ้าของแบรนด์น้ำมันเครื่องคาลเท็กซ์ ฮาโวลีน คาลเท็กซ์ เดโล่ และเทครอน คอนเซนเทรท พลัส ร่วมกับ ภาพยนตร์ ทรานส์ฟอร์เมอร์ส 5: อัศวินรุ่นสุดท้าย จัดกิจกรรมพิเศษ ภายใต้แคมเปญ น้ำมันเครื่องคาลเท็กซ์ พลังปกป้องที่แท้จริงจากภายใน แนะนำแคมเปญการตลาด โดยมี ผู้บริหาร และทีมงานจากเชฟรอน ร่วมงาน ณ ศูนย์การค้าสยามสแควร์วัน เมื่อเร็วๆ นี้
…สรุปมุมมองของ เสกสรรค์ ประเสริฐกุล อดีตอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวบนเวทีปาฐกถา ทิศทางการเมืองไทยกับสังคม 4.0 หลังรัฐประหาร ปี พ.ศ.2557 รัฐบาลทหารแกล้ง เกาไม่ถูกที่คัน
…ไม่ได้แก้ไขด้วยการจับมือกันปรองดอง ระหว่าง คู่ขัดแย้ง ของแกนนำ เสื้อเหลือง -เสื้อแดง แต่กลับเดินหน้ากำหนดนโยบายเศรษฐกิจ-การเมืองและสังคมอย่างเร่งด่วน เพื่อขับเคลื่อนประเทศ จึงไม่ใช่ลักษณะ รัฐบาลชั่วคราว
…เขาอยากอยู่ยาว สะท้อนมาจาก รัฐธรรมนูญ 2560 ชนชั้นนำภาครัฐต้องการทวงคืนและรักษาพื้นที่ส่วนใหญ่ในเวทีอำนาจไว้แบบ ถาวร และจำกัด นักการเมือง ไม่ให้กุมอำนาจอีกต่อไป
…เครื่องทุ่นแรงพิเศษ ในการคุมกำเนิดนักการเมืองให้เป็น ดักแด้ ชั่วกัลปาวสานปรากฏตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 ที่ได้เปลี่ยนระบบการเลือกตั้งใหม่ เป็น การจัดสรรปันส่วนผสม และยังมีขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศกับ ยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อภารกิจ อยู่ยาว 9-10 ปี
…อาจารย์เสกสรรค์ ชี้ทางสว่าง เพื่อให้เกิดจุดเปลี่ยนของเกม มีทางรอดอยู่หนึ่งเดียว ที่พรรคการเมืองจะต่อรองได้นั้น ต้องร่วมมือกันอย่างเหนียวแน่น และตอบโต้คำท้าทายของชนชั้นนำภาครัฐในทุกประเด็น พิสูจน์ให้เห็นว่า ดีกว่า เหนือกว่า
…แม้จะเป็นแค่ละครล่าฝัน แต่ เขา ฟันธงว่า ถ้าเป็นจริงน่าเร้าใจอย่างยิ่ง เพราะที่ผ่านมา การดูถูกเหยียดหยามนักการเมืองและพรรคการเมืองนั้น เป็นสิ่งที่ชนชั้นนำภาครัฐแสดงออกอย่างเปิดเผยช่วงหลังรัฐประหาร
…คณะรัฐประหารและมวลชนที่สนับสนุนมักใช้วาทกรรมต่อต้านคอร์รัปชั่น พุ่งเป้าใส่นักการเมือง ตอนแรกหมายถึงพรรครัฐบาลที่ถูกโค่น แต่ต่อมากลับออกไปในทางเหมารวมนักการเมืองทั้งหมด
…ถอดรหัสนัย คือ เมื่อก่อนวาทกรรมว่าด้วยนักการเมืองขี้โกง จะหมายถึง คนเพื่อไทย ไปๆ มาๆ เวลาเกิดมหกรรมเหมาเข่ง เปียกม่อลอกม่อแลก ไปทั้ง ประชาธิปัตย์-ชาติไทย-ชาติพัฒนา พรรคเล็กหรือพรรคใหญ่ สิวขึ้น กันด้วยความเสมอภาค แยกไม่ออกบอกไม่ถูก
…กลับไปที่ มาตรา 91 ประเด็นที่เป็นกับดัก นักการเมือง ควรจะไป เกิดใหม่ หมวด สภาผู้แทนราษฎร 2 ภาคส่วน คือ ส.ส.เขตเลือกตั้ง จำนวน 350 คน กับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือ ปาร์ตี้ลิสต์ 150 คน
…การคูณ คำนวณในสัดส่วนของ บัญชีรายชื่อ จะหนังคนละม้วนกัน รัฐธรรมนูญปี 2550 โดยจะมีการยกยอด ฐานคะแนน ผู้ออกมาใช้สิทธิ ทั่วประเทศมาเข้า กองกลาง นำมาเป็นตัวตั้ง และหารด้วย 500 จากสัดส่วนของ ส.ส. 2 ระบบ
…ได้ตัวเลขกลมๆ แล้ว นำไปหารคล้ายสูตรคณิตศาสตร์ของเสียงที่ทุกพรรคได้รับตัดยอดออกมาเป็น เสียงพึงมี ยกสมมุติฐานจากการเลือกตั้งปี 2554 มาจำลอง เพื่อไทย ได้ 15 ล้านเสียง ได้ ส.ส.เขต มา 204 ที่นั่ง ที่เหลือเป็น ปาร์ตี้ลิสต์ รวมเป็น 264 ที่นั่ง ประชาธิปัตย์ ได้มา 11 ล้านเสียง เขตเลือกตั้งได้ 115 ที่นั่ง รวมเป็น 159 ที่นั่ง
…แต่รัฐธรรมนูญใหม่ เมื่อจำลองเสียงมาจากการเลือกตั้งปี 2554 บวกลบกลบหนี้แล้ว เพื่อไทย จะได้ คะแนนพึงมี 223 ที่นั่ง แต่เมื่อมี ส.ส.เขตอยู่ในกระเป๋าแล้ว 204 เสียง เท่ากับได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อแค่ 19 ที่นั่ง
…ขณะที่ ประชาธิปัตย์ เลือกตั้งงวดใหม่หากยกยอดจากรากฐานเดิมคือ 11 ล้านเสียง คะแนน พึงมี อยู่ที่ 162 ที่นั่ง ยกยอด ส.ส.เขตเลือกตั้งคือ 115 ที่นั่งมาเป็นตัวช่วย เท่ากับ ประชาธิปัตย์ ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่ออีก 47 ที่นั่ง
พลุน้ำแข็ง