| ผู้เขียน | คอลัมน์หน้า 3 มติชน |
|---|
ไม่ว่าจะเป็นการวอล์กเอาต์ที่ภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็นการวอล์กเอาต์ที่ภาคเหนือ ไม่ว่าจะเป็นการวอล์กเอาต์ ที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
รวมถึงบรรยากาศล่าสุดใน กทม.
มิได้เป็นเรื่องของ “เสื้อแดง” ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับ “นปช.” หรือแม้กระทั่งกับพรรคเพื่อไทย แม้จะสัมพันธ์กับเรื่อง “30 บาท รักษาทุกโรค”
ทั้งหมดเป็นเรื่องของ “เอ็นจีโอ”
ทั้งยังเป็นเอ็นจีโอซึ่งมีสายสัมพันธ์แนบแน่นอยู่กับไม่ว่า 1 สสส. ไม่ว่า 1 สปสช.มาอย่างยาวนานประสานกันไปกับโครงการ “30 บาท รักษาทุกโรค”
ดูชื่อ น.ส.สารี อ๋องสมหวัง ก็จะร้องอ๋อ
ดูชื่อ น.ส.บุญยืน ศิริธรรม อย่างประสานเข้ากับ นายนิมิตร์ เทียนอุดม ก็จะกระจ่างสว่างแจ้งว่า ล้วนเป็นเอ็นจีโอ เป็นภาคประชาชน
เรื่องนี้ นพ.พลเดช ปิ่นประทีป รู้ดีที่สุด
มีความเข้าใจผิดเป็นอย่างมากว่าโครงการ “30 บาท รักษาทุกโรค” เป็นของพรรคเพื่อไทย เพราะว่าเป็นความริเริ่มโดยพรรคไทยรักไทย
อาจเป็นเช่นนั้น
อาจเป็นเพราะพรรคไทยรักไทยมีบุคคลอย่าง นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช มีบุคคลอย่าง นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี จึงสามารถ “ต่อยอด” ความคิดของประชาคมสาธารณสุขมาได้
ที่สำคัญก็คือ ต่อยอดจาก นพ.สงวน นิตย์รัมภาพงศ์
เรื่องนี้ นพ.สงวน นิตย์รัมภาพงศ์ เคยเสนอต่อพรรคประชาธิปัตย์มาแล้ว แต่พรรคประชาธิปัตย์มองไม่ออก แทงไม่ทะลุ เพราะไม่มีคนอย่าง นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ไม่มีคนอย่าง นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี
“30 บาท รักษาทุกโรค” จึงมิได้มาจาก “ไทยรักไทย”
เพียงแต่กระบวนการภายในพรรคไทยรักไทยมองออกและมีความเข้าใจมากกว่า สายตายาวไกลมากกว่าพรรคการเมืองอื่น
จริงๆ แล้ว รากฐานนี้มาจาก “เอ็นจีโอ”
ที่มีการเปิดปฏิบัติการอย่างที่เรียกว่า “ไอโอ” โดยเบี่ยงเบนให้เห็นว่ามีการบิดเบือนและเอากระบวนการทางการเมืองเข้ามาก่อความปั่นป่วน
ล้ม “ประชาพิจารณ์”
นี่มิใช่การเมืองอย่างที่ คสช.เข้าใจแม้ว่าจะเกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือ แม้ว่าจะเกิดขึ้นในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
แต่ไม่สงสัยบ้างหรือเมื่อเริ่มต้นที่ “ภาคใต้” และปิดรายการที่ “กทม.”
ความเป็นจริงของการพยายามทำลายและแปรเปลี่ยนโครงการ “30 บาท รักษาทุกโรค” บรรดาเอ็นจีโออ่านออกตั้งแต่มีการเปลี่ยนตัว “รัฐมนตรี” เมื่อเดือนสิงหาคม 2558 มาแล้ว
เปลี่ยนจาก “หมอรัชตะ” มาเป็น “หมอปิยะสกล”
เอ็นจีโอที่คร่ำหวอดอยู่ในประชาคมสาธารณสุขระดับ นายนิมิตร์ เทียนอุดม ระดับ น.ส.สารี อ๋องสมหวัง หรือ น.ส.บุญยืน ศิริธรรม ทำไมจะอ่านไม่ออก
ยิ่งกว่านั้น องค์กรต่างๆ ในประชาคมสาธารณสุขก็แนบแน่นกับ “สสส.”
ลักษณะจัดตั้งที่เหมือนกับเซลล์เล็ก นิวเคลียสน้อย เมื่อมาผนวกตัวรวมกันก็กลายเป็นพลังตามแนวทาง “สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา” ได้
นี่คือการสะสม “ปริมาณ” ไปสู่ “คุณภาพ”
อย่าได้คิดว่าโครงการ “30 บาท รักษาทุกโรค” เป็นของพรรคไทยรักไทย มาจากการผลักดันของ 2 หมอแห่งพรรคไทยรักไทย
ไม่ใช่หรอก
โครงการ “30 บาท รักษาทุกโรค” จากเมื่อปี 2544 มายังปี 2560 ยาวนานกว่า 2 ทศวรรษได้ซึมลึกเข้าไปในสังคมไทยกระทั่งกลายเป็น “สมบัติร่วม”
เป็นสมบัติร่วมของ “ประชาชน” โดยเฉพาะ “ชาวบ้าน”
