สกสค.ส่งหนังสือแจ้งยกเลิกเอ็มโอยูออมสินแล้ว ขู่ไม่หยุดหักเงินส่งอัยการสูงสุดชี้ขาด

เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน นายพิษณุ ตุลสุข รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ตนได้ทำหนังสือถึงผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เรื่องการหักเงิน จากกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษตามโครงการสวัสดิการเงินกู้การฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.)และ การฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษากรณีคู่สมรสถึงแก่กรรม (ช.พ.ส.) แจ้งให้ธนาคารออมสิน รับทราบมติที่ประชุมคณะกรรมการสกสค. ซึ่งมีนพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการศธ. เป็นประธาน ให้ยกเลิกบันทึกข้อตกลงหรือเอ็มโอยู สัญญาและหนังสือยินยอมที่เลขาธิการสกสค. ชุดก่อนได้ลงนามไว้ทั้งหมด พร้อมทั้งให้ ยุติการหักเงินสนับสนุนพิเศษจากโครงการสวัสดิการเงินกู้ช.พ.ค. และคืนเงินสนับสนุนที่ได้หักไปแล้วแก่ สำนักงานสกสค. ตามหนังสือที่เคยมีการแจ้งไปก่อนหน้านี้ ทั้งนี้หากธนาคารออมสินยังไม่ยุติการหักเงินดังกล่าว ตนจะต้องนำเรื่องเข้าหารือในที่ประชุมคณะกรรมการสกสค. เพื่อขอส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด พิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร

นายพิษณุกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาตนได้มีการหารือกับทางธนาคารออมสินและทางธนาคารออมสิน ยืนยันว่าจะยังหักเงินจากกองทุนเงินสนับสนุนฯ พิเศษต่อไป โดยอ้างว่า ทำตามเอ็มโอยูเดิม ซึ่งไม่เป็นไปตามมติ ที่ได้ตกลงกันในการประชุมร่วมเมือวันที่ 15 พฤษภาคม ที่มีรัฐมนตรีว่าการศธ. เป็นประธาน ที่ให้ยกเลิกเอ็มโอยูเดิม และยกร่างเอ็มโอยูฉบับใหม่ขึ้น ทั้งนี้โดยหลักการแล้ว หากมีการประชุมร่วมกัน แต่ละหน่วยงานต้องทำบันทึกข้อตกลงต่อท้ายไว้เป็นหลักฐาน เพื่อยืนยันความเปลี่ยนแปลง ตรงนี้ตนเองก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมธนาคารออมสินจึงไม่ดำเนินการ

“นับตั้งแต่ปี2549 จนถึงปัจจุบัน สกสค.ได้รับเงินสนับสนุนจากธนาคารออมสิน เข้ากองทุนเงินสนับสนุนฯ รวม 12 ปี มีผู้กู้ที่ค้างชำระ 3 งวดขึ้นไป จำนวน 84,127 ราย เป็นเงินรวมประมาณ 19,365 ล้านบาท ทางธนาคาร ได้หักเงินจากบัญชี เงินสนับสนุนหนี้ค้างชำระของผู้กู้ช.พ.ค.และช.พ.ส. ที่ค้างชำระ 3 งวด นับถึงเดือนเมษายน 2560 ไปแล้วประมาณ 10,468 ล้านบาท ยังคงเหลือเงินสนับสนุนที่ได้รับมา 8,897 ล้านบาท และจนถึงขณะนี้ ธนาคารออมสิน ก็ยังคงหักเงิน จากบัญชีเงินสนับสนุนอยู่ เป็นเงินประมาณ เดือนละ 200 กว่าล้านบาท ทางสกสค.ยืนยันว่า จะต้องนำเงินดังกล่าวกลับคืนมา และขอทำความเข้าใจกับเพื่อนครูว่า เงินจากกองทุนเงินสนับสนุนฯ ไม่ใช่เงินช.พ.ค. และช.พ.ส. ที่หักจากครูที่กู้ แต่เป็นเงินที่ได้ตามข้อตกลงที่สำนักงานสกสค.ทำไว้กับธนาคารออมสิน เพื่อพัฒนากิจการสกสค. และมีวัตถุประสงค์เพื่อนนำไปพัฒนาคุณภาพชีวิตครู”นายพิษณุกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image