นับตั้งแต่ปี 2556 ที่สถาบันเศรษฐกิจพอเพียง มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ และบริษัท เชฟรอน ประเทศไทย สำรวจและผลิต จำกัด ได้นำเอาศาสตร์พระราชาในการจัดการน้ำและดินก่อร่างเป็นโครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน” ด้วยแรงบันดาลใจที่สืบสานพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ที่จะหยุดน้ำท่วม-แล้ง และเมื่อก้าวสู่ปีที่ 5 ของโครงการ จึงได้ผุดแนวคิด “แตกตัวทั่วไทย เอามื้อสามัคคี” ดึงภาคประชาสังคมมาร่วมแรงร่วมใจเปลี่ยนพื้นที่แห้งแล้งให้เขียวขจี โดยจัดงานแถลงข่าว ณ ห้องประชุมศาสตราจารย์ประสม รังสิโรจน คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กรุงเทพฯ
สำหรับความสำเร็จ 4 ปีที่ผ่านมา อ.ยักษ์-ดร.วิวัฒน์ ศัลย์กำธร ประธานมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ และสถาบันเศรษฐกิจพอเพียง เผยว่า เมื่อเราเริ่มทำโครงการได้วางแผนระยะยาวไว้ 9 ปี โดยตั้งใจว่าช่วง 3 ปีแรก จะสร้างการรับรู้ให้กับชุมชนเรื่องศาสตร์การจัดการน้ำต่างๆ โดยเริ่มต้นที่ลุ่มน้ำป่าสัก แต่เมื่อได้ลงมือทำแล้ว ชาวบ้านต่างสนใจที่จะทำงานร่วมกับเรา ทำให้นำไปสู่การปฏิบัติถึง 24 ลุ่มน้ำจากทั้งหมด 25 ลุ่มน้ำทั่วประเทศ ขาดเพียงลุ่มน้ำตาปี ซึ่งหลายพื้นที่ได้ลงมือปฏิบัติจริง เปลี่ยนพื้นที่แห้งแล้งให้เขียวขจี เป็นการแตกตัวที่ค่อนข้างเร็ว
“ถือเป็นความสำเร็จที่แท้จริง ซึ่งหาก 8 ลุ่มน้ำเหนือกรุงเทพฯ ทำได้เช่นนี้เหมือนกันหมดก็จะทำให้น้ำไม่ท่วมกรุงเทพฯ”
ดร.วิวัฒน์เล่าว่า สำหรับระยะที่ 2 ของแผนการทำงาน จะเน้นการสร้างคนต้นแบบถ่ายทอดเรื่องราวสู่ชุมชน โดยเน้น 4 พื้นที่คือ 1.พื้นที่กสิกรรม แปลงเกษตรสาธิต สจล. 2.ไร่สุขกลางใจ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี 3.นาข้าวกลางทุ่งหิน อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี และ 4.ศูนย์การเรียนรู้ ป่าสักโมเดล ณ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จ.ลพบุรี โดยยกตัวอย่างความสำเร็จในพื้นที่ลุ่มน้ำแม่แตงว่า
“การเอามื้อสามัคคีครั้งแรก หรือการลงแขกในภาษากลาง เกิดขึ้นที่ลุ่มน้ำแม่แตง อดีตเคยอุดมสมบูรณ์แต่เสื่อมโทรมไปมาก กลายเป็นที่แห้งแล้ง ทางโครงการจึงเน้นปลูกป่า ปั้นคันนา จนสำเร็จ ซึ่งการลงแขกหรือเอามื้อสามัคคีนี้เป็นอารยธรรมที่สำคัญ ในหลวง ร.9 รับสั่งว่าการจะทำให้สำเร็จต้องทำแบบคนจน คือการที่ชาวบ้านมาร่วมมือกันทำ ไม่ต้องซื้อเครื่องจักร น้ำมัน จะช่วยให้รู้จักพึ่งพาตนเอง ทรงสอนให้รู้จักระเบิดจากข้างใน ไม่ต้องรอให้ภาครัฐเข้าไปช่วย ซึ่งนี่เป็นเรื่องดีที่จะค้ำจุนแผ่นดินไทย” ดร.วิวัฒน์เผย
ด้าน ผศ.พิเชฐ โสวิทยสกุล คณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สจล. เผยว่า สิ่งที่บอกว่าโครงการประสบความสำเร็จคือ ชาวบ้านรอด เราได้สร้างอาหารลดรายจ่ายที่เคยมีในอดีตได้ พื้นที่ที่เคยท่วม เมื่อนำศาสตร์พระราชาไปใช้ก็ไม่ท่วม ไม่แล้ง สุดท้ายคือชุมชนที่เคยมีหนี้ปลอดหนี้ ซึ่งทาง สจล.ได้ต่อยอดทำโครงการวิจัย “การออกแบบเชิงภูมิสังคมไทย การติดตามและประเมินผลเพื่อบริหารจัดการน้ำชุมชนอย่างมีส่วนร่วม” ขึ้น เพื่อติดตามข้อมูลมาถอดบทเรียนเป็นชุดความรู้และคู่มือในการฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมต่อไป
ร่วมแรงสามัคคี