เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.สมพงษ์ สุวรรณวงศ์ ผู้กำกับกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม ร่วมกับ พ.ต.อ.สานิตย์ ไชยสถิต ผกก.สส.ภ.จ.อุบลราชธานี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม นางสาวพิสมัย แก้วเสนา อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 101 ถนนประชาสันติ ต.วารินชำราบ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ตามหมายจับศาลจังหวัดอุบลราชธานี ที่ 279.1/2551 ลงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2551 ศาลแขวงอุบลราชธานี ที่ 71/52 ลงวันที่ 23 เมษายน 2552 ศาลแขวงอุบลราชธานีที่ 79/59 ลงวันที่ 14 พฤษภาคม 2559 และศาลแขวงอุบลราชธานีที่ 82/59 ลงวันที่ 24 พฤษภาคม 2559 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ผู้อื่น ที่บริเวณห้องพักสวนกอบศักดิ์ ต.วารินชำราบ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
พ.ต.อ.สมพงษ์ กล่าวว่า นางสาวพิสมัย แก้วเสนา ซึ่งเป็นเครือข่ายแก๊งต้มตุ๋นได้ร่วมกับพวกที่หลบหนี จะตระเวนออกหลอกลวงประชาชนในพื้นที่ภาคอีสาน เลือกเหยื่อที่มีอันจะกิน หรือกลุ่มคนที่มีฐานะร่ำรวย มีเงินฝากในธนาคารจำนวนมาก โดยเฉพาะเหยื่อที่ติดป้ายประกาศขายที่ดิน ขายบ้านหรูราคาแพง ตามจังหวัดต่างๆ โดยจะทำทีสนใจที่ดินแปลงดังกล่าว หรือบ้านหรู กระทั่งมีการนัดพบพูดคุยเพื่อตกลงซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ พอถึงเวลานัดหมาย ผู้ต้องหาจะทำทีเป็นเพียงนายหน้า หรือลูกน้อง จะมีการสมมุติตัวละครที่เรียกว่า “เสี่ย” เข้ามาเกี่ยวข้องอีก 1 คน โดยจะนั่งรอเสี่ยคนดังกล่าว จนเวลาล่วงเลยไปนาน จากนั้นจะแกล้งทำเป็นต่อว่าเสี่ย พร้อมกับสร้างเรื่องเล่าให้เหยื่อฟัง เกี่ยวกับการพาเสี่ยไปเล่นการพนันจนเสียเงินเป็นล้านๆ บาท จนเหยื่อเริ่มตายใจ ก่อนจะชักชวนเหยื่อให้ร่วมลงขันหรือหุ้นเงินเพื่อเล่นพนันกับเสี่ย หรือไม่ก็ชวนเล่นพนันกำถั่วเพื่อฆ่าเวลารอเสี่ย จนเหยื่อหลงเชื่อเสียเงิน ก่อนจะหลบหนีและเปลี่ยนพื้นที่ออกตระเวนต้มตุ๋นเหยื่อรายต่อไป จึงเป็นที่มาของการขยายผลและสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากการสอบสวนนางสาวพิสมัย แก้วเสนา ให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกับพวกที่หลบหนีออกตระเวนต้มตุ๋นในพื้นที่ภาคอีสาน โดยล่าสุดได้เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2560 ได้ต้มตุ๋นเหยื่อที่ จ.ยโสธร ชื่อ น.ส.บุษรินทร์ เศิกศิริ อายุ 21 ปี ดีเจ สถานีวิทยุแห่งหนึ่ง กับนายวีระชัย กำแก้ว อายุ 36 ปี อาชีพนักจัดวิทยุชื่อดังใน จ.ยโสธร ได้เงินมา 6 แสนบาท
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบยังพบหมายจับของ นางสาวพิสมัย แก้วเสนา นอกเหนือจากหมายจับของศาลแขวงจังหวัดอุบลราชธานี 4 หมายแล้วยังมีหมายจับที่ ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ลงวันที่ 24 เมษายน 2556 และหมายศาลจังหวัดยโสธร ลงวันที่ 26 เมษายน 2560 ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจะได้ประสานไปยัง สภ.ต่างๆ ที่มีหมายจับผู้ต้องหาเพื่อมารับตัวไปดำเนินคดีแล้ว
