‘บิ๊กอู๋’ ยกเสาเอกบ้านประชารัฐริมคลองเขตสายไหมขนาด 28 ตร.ม.ราคา 4.6 แสนบาท

เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ที่บริเวณที่ดินแปลงใหม่ ซอยเพิ่มสิน 15 เขตสายไหม กรุงเทพฯ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวภายหลังเป็นประธานพิธี “ยกเสาเอกชุมชนใหม่ สหกรณ์เคหสถานบ้านมั่นคงริมคลองสอง จำกัด บ้านประชารัฐริมคลอง” ซึ่งมีผู้บริหารพม. ผู้บริหารสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) ผู้บริหารเขตสายไหม กทม. ตลอดจนตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเครือข่ายชาวบ้านริมคลอง กว่า 200 คน เข้าร่วมงาน ว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนด้านที่อยู่อาศัยให้แก่ประชาชนผู้ที่มีรายได้น้อย โดยมอบให้ พม.จัดทำแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี เพื่อแก้ไขปัญหาด้านที่อยู่อาศัยให้ประชาชน ซึ่งการพัฒนาที่อยู่อาศัยในชุมชนริมคลองลาดพร้าวและคลองบางซื่อ เป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ดังกล่าว โดยมี พอช.เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบ ซึ่งได้เริ่มดำเนินการแล้วในคลองลาดพร้าวและคลองบางซื่อ เป็นระยะเวลา 3 ปี มีเป้าหมาย 52 ชุมชน จำนวน 7,081 ครัวเรือน ขณะนี้สร้างบ้านเสร็จแล้วจำนวน 763 ครัวเรือน ส่วนที่เหลือจะเร่งดำเนินการต่อไป

รมว.พม.กล่าวอีกว่า สหกรณ์เคหสถานบ้านมั่นคงริมคลองสอง นับเป็นหนึ่งโครงการบ้านประชารัฐริมคลองที่เกิดจากการรวมกลุ่มกันของ 9 ชุมชนในเขตสายไหม อาทิ ชุมชนเลียบคลองสอง ชุมชนประชานุกูล ชุมชนพัฒนาหมู่ 1,2 ชุมชนเพิ่มสินถมยา ชุมชนเพิ่มสินร่วมใจ ชุมชนหลังซอยแอนเน๊กซ์ ที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนระบายน้ำของ กทม. และไม่สามารถอยู่อาศัยในชุมชนเดิมได้ โดยผู้นำชุมชนได้ร่วมกันหาซื้อที่ดินแปลงใหม่ จนได้ที่ดินบริเวณซอยเพิ่มสิน 13-15 เขตสายไหม มีขนาดที่ดิน 12 ไร่ 3 งาน 71.7 ตารางวา คิดเป็นราคาที่ดิน 90.3 ล้านบาท สามารถรองรับชาวชุมชนได้ทั้งหมด 356 ครัวเรือน ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างบ้านเฟสแรกจำนวน 120 หลัง ตามแผนงานจะสร้างบ้านเฟสแรกให้เสร็จภายในสิ้นปีนี้ ส่วนเฟสที่ 2 จำนวน 120 หลัง และเฟสที่ 3 จำนวน 116 หลัง ซึ่งจะดำเนินการในระยะต่อไป และคาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในปี 2561

รมว.กล่าวต่ออีกว่า สำหรับแบบบ้านที่จะก่อสร้างนั้นเป็นบ้านแถว 2 ชั้น ขนาดบ้าน 4 x 7 หรือ 28 ตารางเมตร ราคาบ้าน 212,620 บาท ราคาที่ดิน 253,905 บาท รวมราคาต่อหลัง 466,525 บาท ซึ่ง พอช.ได้สนับสนุนสินเชื่อในการซื้อที่ดินจำนวน 90.3 ล้านบาท และงบก่อสร้างบ้าน รวม 356 หลัง จำนวน 37.3 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 บาทต่อปี อย่างไรก็ดี ในส่วนชุมชนที่สร้างบ้านเสร็จแล้วทาง พอช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการสนับสนุนให้มีการพัฒนาในด้านต่างๆ เพื่อให้เป็นชุมชนต้นแบบในการพัฒนาที่อยู่อาศัยริมคลอง โดยจะมีการพัฒนาคุณภาพชีวิตแบบครบวงจร เช่น ส่งเสริมกิจกรรมเด็ก เยาวชน สตรี และผู้สูงอายุ ให้มีการส่งเสริมอาชีพเพื่อให้ชาวชุมชนมีรายได้ในการเลี้ยงดูตนเองและครอบครัวได้อย่างยั่งยืน รวมทั้งการส่งเสริมด้านสิ่งแวดล้อมในชุมชน อาทิ การจัดเก็บขยะ การบำบัดน้ำเสียก่อนปล่อยลงสู่คลองต่อไป

Advertisement

ด้าน นายสังวร มณฑา ประธานคณะกรรมการสหกรณ์เคหสถานบ้านมั่นคงริมคลองสอง กล่าวว่า เดิมเราอยู่บ้านริมคลองซึ่งไม่ทราบเจ้าของที่ดิน แม้จะไม่ต้องผ่อนจ่ายค่าที่อยู่อาศัย แต่คุณภาพชีวิตก็ย่ำแย่มากโดยเฉพาะฤดูฝนที่น้ำในคลองสูงจนเข้าท่วมในบ้าน ทำให้ต้องอพยพสมาชิกไปอยู่ที่อื่น เพราะอยู่ไม่ได้ ขณะที่ตลอดการอยู่อาศัยบ้านริมคลองยังต้องเผชิญกับปัญหาสิ่งแวดล้อม อาทิ ต้องดมกลิ่นน้ำเน่าเสีย เสี่ยงเจอสัตว์ที่มากับน้ำ จากปัญหาต่างๆเราห่วงอนาคตลูกหลาน จึงได้จับกลุ่มรวมตัวและเดินสายพูดชักชวนให้มาเก็บเงินไปสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ ซึ่งภายหลังเก็บออมเงินมาเกือบปี พร้อมเดินสายชักชวนสมาชิกบ้านริมคลองต่างๆ และได้รับการสนับสนุนจาก พอช.จึงมาเป็นโครงการก่อสร้างในวันนี้ ซึ่งตนและสมาชิกดีใจมาก และพอใจกับแบบบ้าน พอใจกับการผ่อนจ่าย 2,376 บาทต่อเดือน ระยะ 20 ปี เมื่อจบก็ได้บ้านและที่ดินเป็นของตัวเอง ดีกว่าไปเช่าบ้านอยู่แล้วสุดท้ายไม่ได้อะไรเลย

นายสังวร มณฑา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image