นายไพบูลย์ นลินทรางกูร นายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุนและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยในงานสัมมนาผู้ลงทุนในตลาดทุนระดับนานาชาติ “Thailand’s Big Strategic Move” ที่โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ จัดโดย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า การจัดงานในครั้งนี้จะทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น เพราะนายกรัฐมนตรีมายืนยันด้วยตัวเองว่าจะทำโครงการต่างๆ ซึ่งเป็นโครงการระยะยาว เช่น โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี) ไทยแลนด์ 4.0 รวมถึงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมให้สำเร็จ และเห็นผลอย่างต่อเนื่องในรัฐบาลถัดๆ ไปด้วย เนื่องจากที่ผ่านมานักลงทุนยังมีความกังวลเรื่องความชัดเจนของนโยบายของรัฐบาล อย่างไรก็ตามมองว่าในช่วงที่ 3 ปีที่ผ่านมา การขับเคลื่อนเศรษฐกิจยังช้าเพิ่งจะมาเร่งเครื่องในช่วงนี้
“หากโครงการขับเคลื่อนได้นักลงทุนก็มีความเชื่อมั่น แต่สิ่งที่ยังกังวลคือความต่อเนื่อง เพราะโครงการมาเร่งในช่วงหลัง และในอีกปีกว่าก็จะมีการเลือกตั้งรัฐบาลใหม่” นายไพบูลย์ กล่าว
นายไพบูลย์กล่าวว่า คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตประมาณ 3% ใกล้เคียงกับช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่าน และทั้งปีขยายตัวราว 3% ซึ่งมองว่าเศรษฐกิจยังไม่ได้เติบโตหวือหวามากนัก แม้การส่งออกฟื้นตัวแต่การลงทุนภาคเอกชนและภาคการบริโภคยังขยายตัวไม่เต็มที่ ซึ่งไทยถือว่ามีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจต่ำที่สุด เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในอาเซียนที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ 7-8% หากไม่นับสิงคโปร์ซึ่งเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว จากปัจจัยดังกล่าวทำให้เงินไหลเข้ามาในตลาดทุนน้อย เนื่ิองจากนักลงทุนจะไปลงทุนในประเทศใกล้เคียงมากกว่า สะท้อนจากดัชนีตลาดหุ้นตลาดเกิดใหม่ภาพรวมปรับขึ้น 20% ขณะที่ไทยดัชนีปรับขึ้นเพียง 2% อย่างไรก็ตาม มองว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะมีการปรับขึ้นเล็กน้อยแต่ไม่มาก ดัชนีจะเคลื่อนไหวบวกลบ 70 จุด จากปกติที่ตลาดหุ้นไทยจะมีความผันผวนมากกว่านี้บวกลบ 100 จุด โดยคาดว่าดัชนีจะอยู่ในกรอบ 1,650 จุด หรือเพิ่มขึ้นราว 5% เมื่อเทียบกับปีก่อน
