เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย (MOCA BANGKOK) จัดงานเปิดนิทรรศการภาพถ่ายเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช “KING OF KINGS” แสดงพระบรมฉายาลักษณ์ ตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ภาพพระราชกรณียกิจต่าง ๆ ไปจนถึงภาพที่บันทึกเรื่องราวประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญในรัชสมัย รวมถึงภาพที่ได้รับแรงบันดาลใจ จากพระองค์ผ่านผลงานของ 16 ช่างภาพรับเชิญ และภาพสะสมของทางพิพิธภัณฑ์ฯ
คณชัย เบญจรงคกุล ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย เผยว่า นิทรรศการภาพถ่ายเฉลิมพระเกียรตินี้ จัดแสดงภาพถ่ายจากช่างภาพรับเชิญ 16 ท่าน และภาพถ่ายขาวดำจากคลังภาพถ่ายของพิพิธภัณฑ์ฯ ถ่ายทอดความรู้สึก ความทรงจำที่มีต่อพระองค์ โดยภาพที่นำมาจัดแสดงเป็นภาพที่บันทึกเหตุการณ์ในช่วงเวลาต่างๆ อาทิพระฉายาลักษณ์และพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 10) พระบรมฉายาลักษณ์แห่งความประทับใจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ตั้งแต่ทรงพระเยาว์ตลอดจนถึงพระบรมฉายาลักษณ์ที่ฉายกับพระบรมวงศานุวงศ์ ภาพที่บันทึกเรื่องราวประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญในรัชสมัย พระราชกรณียกิจนานัปการที่ทรงปฏิบัติบำเพ็ญด้วยพระวิริยอุตสาหะ และพระปรีชาสามารถด้านต่างๆ ที่นำมาซึ่งความผาสุกร่มเย็นแก่พสกนิกรทั่วประเทศตลอด 70 ปี และภาพที่สะท้อนถึงความจงรักภักดีและภาพถ่ายที่ได้แรงบันดาลใจจากพระองค์
โดยแบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ พระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ภาพพระราชประวัติและภาพพระราชกรณียกิจ เป็นภาพเก่าสะสมขาวดำของทางพิพิธภัณฑ์ฯ, ภาพจากช่างภาพรับเชิญ ซึ่งเป็นภาพพระราชกรณียกิจ และภาพในพระราชพิธีอันสำคัญ และภาพถ่ายจากช่างภาพรับเชิญ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่สะท้อนความรู้สึกที่มีต่อพระองค์
รชฏ วิสราญกุล ช่างภาพมากฝีมือหนึ่งในศิลปินที่นำภาพมาร่วมจัดแสดง ซึ่งเป็นผู้บันทึกภาพประวัติศาสตร์ เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เสด็จออกมหาสมาคม ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม ในงานพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติ 60 ปี เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2549 ย้อนความทรงจำอันภาคภูมิใจที่ได้มีโอกาสบันทึกภาพประวัติศาสตร์ในครั้งนั้นว่า
“นับเป็นเกียรติประวัติในชีวิต และเป็นวันที่ได้ยินเสียงของพสกนิกรที่เปล่งคำว่า ทรงพระเจริญ จนดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ รวมทั้งยังก้องอยู่ในใจผมอย่างไม่มีวันลืม และคงเป็นความทรงจำที่จะจดจำไปตราบนานเท่านาน นอกจากนี้ตนยังได้นำคำสอนของพระองค์ท่านมาใช้ในชีวิตประจำวันมาโดยตลอด โดยเฉพาะการรู้จักประมาณตน ความพอเพียงของฐานะ และกำลังที่เรามีอยู่ รวมทั้งการปิดทองหลังพระ ซึ่งบางครั้งคนเราทำความดีอะไรก็ไม่จำเป็นต้องไปประกาศให้ใครรู้” ช่างภาพชั้นครู กล่าวถึงหลักคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งตนน้อมนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิต
