ความคืบหน้าการจับกุม นายกฤษณะชัย จันทราศรี ชาวจ.เชียงราย อดีตเภสัชกรโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง และน.ส.ยุพิน ปานลอยวงค์ อายุ 28 ปี ชาวจ.กาญจนบุรี ผู้ต้องหาฆ่านายจำลอง และนางบัว บุญทองทา พ่อตากับแม่ยาย เสียชีวิตเมื่อ13 ปีก่อน
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) นายกฤษณะชัย รับว่า ก่อเหตุจริง วันเกิดเหตุไม่ได้ตั้งใจฆ่า แต่ด้วยปัญหาที่สะสมมากับน.ส.รัชฎาพร บุญทาทอง อดีตภรรยา จึงชักชวน นางสาวยุพิน (ลูกจ้าง) ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ไปบ้านที่เกิดเหตุ ก่อนเกิดปากเสียงและใช้อาวุธมีดที่นำติดตัวไปลงมือทำร้ายโดยไม่รู้ตัว และหลบหนีไป จนกระทั่งปี2554ย้ายมาอยู่ในพื้นที่สน.ดอนเมือง ประกอบอาชีพรับเหมาก่อสร้าง ขายอาหารตามสั่ง และเปิดร้านขายของชำใช้ชีวิตกับภรรยาใหม่ หลังก่อเหตุ2ปีตนสำนึกผิดมาโดยตลอด และคิดว่าครอบครัวผู้เสียหายจะให้อภัย แต่พอมีข่าวออกมาทราบว่าครอบครัวผู้เสียหายอยู่อย่างทุกข์ทรมานมาตลอด13ปี จึงรู้สึกสงสาร และอยากให้ครอบครัวผู้เสียหายอภัยและอโหสิกรรมให้ ไม่ได้หวังว่าตนเองจะพ้นผิด แต่การให้อภัยคือสิ่งที่จะทำให้พ้นทุกข์และเขาจะมีชีวิตที่มีความสุขตลอดไป
ด้านนางยุพิน เบื้องต้นให้การรับสารภาพว่าอยู่ในที่เกิดเหตุ
พ.ต.อ.วิรัช สุมนาพันธุ์ รองผบก.ภ.จว.เชียงราย กล่าวว่า ตลอด13ปีที่ผ่านมา ตำรวจพยายามติดตามจับกุมผู้ต้องหามาตลอด แต่ที่ไม่สามารถจับกุมตัวได้ เนื่องจากผู้ต้องหาไม่มีการเคลื่อนไหว ทางทะเบียนราษฎร์ตั้งแต่ปี2547และย้ายถิ่นฐานหลบหนี รวมถึงการตรวจสอบทางโทรศัพท์มือถือก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากผู้ต้องหาใช้โทรศัพท์สาธารณะในการข่มขู่พยาน แต่คดีนี้ตำรวจได้ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการตั้งแต่ปี 2548 แล้ว และหลังจับกุมตัวได้ผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพ จึงเตรียมคุมตัวกลับไปดำเนินคดีที่จ.เชียงรายในวันที่23มิถุนายน รวมถึงชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพและคุมตัวไปฝากขังต่อศาลจังหวัดเชียงราย พร้อมคัดค้านการประกันตัว
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าผู้มีอิทธิพลช่วยเหลือผู้ต้องหาจนไม่สามารถจับกุมตัวได้ พ.ต.อ.วิรัช ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และเชื่อว่าจะมีผู้ให้การช่วยเหลือ เนื่องจากตนทำงานเป็นข้าราชการตำรวจในพื้นที่มานานกว่า 33ปี แต่หากตรวจสอบพบว่าผู้ใต้บังคับบัญชากระทำการเช่นนั้นจริง จะดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญาโดยไม่ละเว้น
