วันที่ 23 มิถุนายน เวลา 15.30 น. ร.ต.อ.ศราวุธ บุตรดีคง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม รับแจ้งจากนายกฤษฎา จุลฬาชา ผู้ใหญ่บ้านหนองจันทร์ ม.13 ต.ท่าค้อ ว่า มีเหตุคนผูกคอตายในห้องนอนในบ้าน ซอยรื่นเริง จึงเดินทางพร้อมกับแพทย์เวร รพ.นครพนม และกู้ภัยนครพนม บ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ห้องนอนที่เกิดเหตุมีศพชายไทย ทราบชื่อภายหลังว่า นายสุรเชษฐ์ หรือบอย อินทรประชา อายุ 39 ปี ชาว จ.พระนครศรีอยุธยา นอนหงายราบอยู่กับพื้น โดยมีผ้าห่มสีน้ำเงินคลุมศพอยู่ บริเวณหน้าบ้านมีนางนิคม ฤชาขันธ์ อายุ 44 ปี เจ้าของบ้าน นั่งร้องไห้ โทรศัพท์ติดต่อญาติของผู้ตายที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในการนำศพกลับบ้านเกิด
จากการสอบสวน นางนิคมฯ เปิดเผยว่า ตนเองเป็นแม่ม่าย มีบุตร 3 คน แต่ไม่ได้อาศัยอยู่ด้วยกัน คบกับนายบอย ผู้ตาย เมื่อสองปีที่ผ่านมา ในงานบุญประจำหมู่บ้าน ซึ่งนายบอย พึ่งเลิกรากับภรรยาเก่า คนบ้านหนองเซา ต.ท่าค้อ อ.เมือง จ.นครพนม ดูใจกันประมาณ 3 เดือน จึงตกลงใช้ชีวิตร่วมกัน โดยตนและนายบอย สามี ทำงานเป็นผู้ช่วยกุ๊ก ในโรงแรมแห่งหนึ่งในตัวจังหวัดนครพนม ภายหลังสามีถูกไล่ออกจากงาน เนื่องจากขาดงานบ่อย กลับมาอยู่บ้านโดยยังไม่ได้ประกอบอาชีพใด ๆ เหตุที่ถูกออกจากงานเพราะติดยาเสพติด (ยาบ้า) ซึ่งตนขอร้องให้เลิกเกี่ยวกับกับอบายมุขเหล่านี้ สามีรับปากว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวอีกต่อไป
ก่อนเกิดเหตุ เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. นายบอย สามี เอาจักรยานไปจำนำเพื่อนบ้านเพื่อนำเงินไปซื้อยาเสพ ตนจึงโกรธและดุด่า ตกค่ำให้สามีนอนในห้องนอน ส่วนตัวเองนอนห้องโถงกลางบ้าน ถึงเวลา 05.00 น. ของวันที่ 23 มิ.ย. ต้องออกไปทำงานตามปกติ จนถึงเวลา 14.00 น. เลิกงานกลับมาบ้าน พบประตูบ้านถูกล็อคกลอนข้างในตะโกนเรียกสามีไม่มีเสียงตอบ จึงหาอุปกรณ์มางัดเข้าไปพบร่างสามีใช้เชือกไนล่อนสีเขียว ผูกคอกับขื่อในห้องนอน ด้วยความตกใจจึงรีบไปเอามีดมาตัดเชือก นำร่างสามีลงมาในสภาพร่างกายแข็งตัว โดยสวมเสื้อยืด สีขาว ทับด้วย เสื้อกันหนาวแขนยาว สีแดง มีหมวกคลุมศีรษะ กางเกงยีนส์สีน้ำเงิน จึงรีบแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านทราบ สาเหตุ เจ้าหน้าที่ฯ สันนิษฐานว่า อาจจะมาจากการน้อยใจของผู้ตาย ซึ่งได้ส่งข้อความเข้ามือถือภรรยา ตัดพ้อในทำนองน้อยเนื้อต่ำใจ ในชะตาชีวิตของตนเอง หลังชันสูตร เตรียมดำเนินการส่งศพของผู้ตายไปทำพิธีตามศาสนาอิสลาม ที่บ้านเกิด จังหวัดพระนครศรีอยุธยาต่อไป
