“ซีบับเบิล” เป็นเรือไฮโดรฟอยล์ที่คิดค้นและพัฒนาโดย อแลง เทโบลท์ เป้าหมายเพื่อให้บริการรับส่งผู้โดยสารทางน้ำเป็นสำคัญ ตามแนวความคิดของอดีตนักแล่นเรือยอร์ชชาวฝรั่งเศสรายนี้ ที่เชื่อว่าในปี 2050 การเดินทางด้วยรถยนต์จะเป็นปัญหาอยู่ดีแม้ว่าจะใช้พลังงานสะอาดแล้วก็ตาม เพราะถึงตอนนั้นรถยนต์บนท้องถนนจะมีไม่น้อยกว่า 4,000 ล้านคัน ขณะที่ถนนมีจำกัดตามสภาพกายภาพของพื้นที่
เทโบลท์ ที่หันมาก่อตั้งบริษัท สตาร์ตอัพ “ซีบับเบิล” ขึ้นมาเพื่อผลิตและจำหน่าย “เรือแท็กซี่” นี้ เชื่อว่าสุดท้ายแล้วคนเราก็ต้องหันกลับมาใช้เส้นทางทางน้ำเป็นเส้นทางสัญจรอยู่ดี
เมื่อ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา เทโบลท์นำต้นแบบ “ซีบับเบิล” ลำแรกของตนลงไปทดลองในสถานที่จริง คือแล่นไปตามลำน้ำเซน จากบริเวณหอไอเฟล ไปจนถึง มูเซ ดอร์เซย์ โดยมี อานน์ อิดัลโก นายกเทศมนตรีสุภาพสตรีของกรุงปารีส ซึ่งสนับสนุนโครงการซีบับเบิลมาตั้งแต่แรก ทำหน้าที่เป็นผู้โดยสาร
ต้นแบบของ “ซีบับเบิล” รูปลักษณ์ไม่ต่างจากเรือทั่วไปนัก แต่ที่ต่างกันใหญ่หลวงก็คือ ปีกด้านใต้ลำเรือที่วกลงเป็นแนวโค้ง 2 ปีก ทำหน้าที่เป็นตัวยกลำเรือที่ทำจากไฟเบอร์กลาสให้ลอยขึ้นเหนือผิวน้ำในขณะเคลื่อนที่ไปข้างหน้า โดยอาศัยแรงยกที่เกิดขึ้นเมื่อเรือเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความเร็วถึงระดับหนึ่งในทำนองเดียวกับแรงยกที่เกิดขึ้นกับปีกของเครื่องบินขณะบินขึ้นจากสนามบินนั่นเอง
การที่ลำตัวเรือลอยขึ้นเหนือน้ำ ทำให้สามารถลดแรงฉุดซึ่งเกิดขึ้นเมื่อท้องเรือเคลื่อนผ่านผิวน้ำลงได้มากถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ซีบับเบิลลำต้นแบบสามารถทำความเร็วตามที่ได้รับอนุญาตในการแล่นเรือในลำน้ำเซนที่ 18 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้สบายๆ โดยอาศัยพลังจากแบตเตอรี่ และสามารถเดินทางได้เป็นระยะทาง 80-100 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
อแลง เทโบลท์ ระบุว่า เรือของตนเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยแท้ เพราะนอกจากจะใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่แล้ว ยังไม่ก่อให้เกิดคลื่น ไม่มีเสียงดัง ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะกับเส้นทางน้ำที่ใช้แล่น ในขณะที่สามารถชาร์จประจุไฟได้เองขณะจอดเทียบท่า ซึ่งถูกออกแบบมาให้ทำหน้าที่เป็นแผงโซลาร์เซลล์ ผลิตกระแสไฟฟ้าป้อนให้กับเรือแท็กซี่ได้ตลอดเวลา และสามารถสร้างกระแสไฟฟ้าจากการไหลของน้ำได้ด้วย และหากแดดดีก็อาจมีพลังงานเหลือขายคืนให้กับโรงไฟฟ้าได้อีกด้วย
นายกเทศมนตรีอิดัลโกยอมรับว่า ขณะโดยสารซีบับเบิล ทั้งเงียบทั้งสบาย ทำให้สนุกไปกับการเดินทางสั้นๆ ครั้งนี้
อแลง เทโบลท์ ระบุว่า เรือแท็กซี่ของตนได้รับความสนใจจากหลายๆ เมืองทั่วโลก ตั้งแต่กรุงเทพฯ โตเกียว ซีแอตเติล และอีกไม่ต่ำกว่า 15 เมืองในอินเดีย
