‘ประยุทธ์’ปลื้มส่งออกไทยขยายตัวสูงสุดในรอบ 52 เดือน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (แฟ้มภาพ)

‘ประยุทธ์’ปลื้มส่งออกไทยขยายตัวสูงสุดในรอบ 52 เดือน เผยนักลงทุนต่างชาติตอบรับอีอีซีเกินคาด เตรียมขยายพื้นที่รับการพัฒนา

เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) พอใจกับตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือนพฤษภาคม 2560 ที่เติบโตสูงถึงร้อยละ 13.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดือนกันของปีก่อน ซึ่งถือว่าเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 52 เดือน โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร เช่น ยางพารา น้ำตาลไทย ผักผลไม้สด แช่แข็ง กระป๋อง และแปรรูป ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป รวมทั้งสินค้าอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์ยาง รถยนต์และส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ

พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า นายกฯระบุว่า นอกจากปัจจัยการค้าโลกขยายตัวต่อเนื่อง การส่งออกไปสหรัฐ และเวียดนามสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และตลาดตะวันออกกลางขยายตัวดีขึ้น ส่งผลการให้ภาพรวมการส่งออกไทยเติบโตขึ้นแล้ว ต้องชื่นชมการทำงานของทุกคนทั้งข้าราชการและภาคเอกชนที่ใช้ศักยภาพของตัวเองอย่างเต็มที่ โดยสามารถปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลงได้ อย่างไรก็ตาม ขอให้ทุกส่วนเร่งรัดการลงทุนภายในประเทศและส่งเสริมเศรษฐกิจระดับฐานรากให้เข้มแข็งตามแผนที่กำหนดไว้ควบคู่ไปกับการส่งออก เพื่อสร้างความสมดุลทั้ง 2 ด้าน นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้รับรายงานว่า ขณะนี้มีนักลงทุนจากต่างประเทศหลายรายให้ความสนใจที่จะมาลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี เช่น สหรัฐ และญี่ปุ่น ซึ่งมีจำนวนมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์ อุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ และยานยนต์ไฟฟ้า โดยทุกประเทศเห็นว่าพื้นที่อีอีซีของไทยจะเป็นจุดเชื่อมโยงไปสู่ตลาดอาเซียนและตลาดโลกได้

“การลงทุนจริงจะเกิดขึ้นในปีหน้า เช่น โครงการพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภา สร้างศูนย์ซ่อมอากาศยาน ที่ บ.การบินไทย ได้ลงนามความร่วมมือกับ บ.แอร์บัส โครงการรถไฟความเร็วสูง กทม.-ระยอง โครงการท่าเรือมาบตาพุดแหลมฉบัง โครงการจัดตั้งเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัลในอีอีซี (Digital Park) และการตั้งฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV หุ่นยนต์ และอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ของนักลงทุนต่างชาติ เป็นต้น ซึ่งรัฐบาลตั้งเป้าว่าจะมีเงินลงทุนในอีอีซีไม่ต่ำกว่า 500,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี ล่าสุดกรมธนารักษ์ได้เตรียมมอบพื้นที่ราชพัสดุ 3,000-4,000 ไร่ ใน จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อสร้างเป็นเมืองใหม่สำหรับเป็นที่อยู่อาศัยรองรับประชาชนที่จะไปทำงานในอีอีซี รวมกับของเดิมที่ได้สนับสนุนพื้นที่ 759 ไร่ ใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เพื่อจัดตั้ง Digital Park Thailand และพื้นที่อีกกว่า 6,500 ไร่ เพื่อพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภา” พล.ท.สรรเสริญกล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image