Despicable Me 3 ถ้าจะให้สนุก ควรดูสองภาคที่แล้วมาก่อน

Despicable Me 3 ถ้าจะให้สนุก ควรดูสองภาคที่แล้วมาก่อน

หนังแอนิเมชั่นของสตูดิโออิลลูมิเนชั่นกลายเป็นหนังที่สร้างกระแสฮือฮาไปทั่วโลก จากหนังเรื่อง Despicable Me ภาคแรก (2010) และ Despicable Me 2 (2013) ซึ่งกวาดรายได้ทั่วโลกรวมกันได้มากกว่า 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ แถม Despicable Me 2 ยังได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมีอวอร์ด สาขาหนังแอนิเมชั่นยอดเยี่ยมประจำปี 2013 อีกด้วย

เสน่ห์ของอนิเมชั่นเรื่องนี้ นอกจากตัวเอก กรู (Gru) วายร้ายสุดเพี้ยนหน้าตาตลก ที่ไม่ว่าจะปล้นหรือก่ออาชญากรรมใดๆ ก็ไม่ค่อยจะประสบความสำเร็จแล้ว เจ้ามินเนียน (Minions) ลูกสมุนตัวป่วน สีเหลืองหน้าตาประหลาด พูดจาฟังไม่รู้เรื่อง ที่เป็นตัวเสริมให้กรูเป็นวายร้ายที่ตลกและติ๊งต๊อง ก็โด่งดังเป็นพลุแตก ขนาดมีแอนิเมชั่นเรื่อง Minions เป็นของตัวเอง

ภาคนี้ กรูซึ่งกลับตัวมาทำงานเป็นสายลับร่วมกับภริยา ลูซี่ ถูกไล่ออกจากหน่วย AVL ทั้งสองคน เพราะปล่อยให้ บัลธาซาร์ แบรทท์ อดีตดาราเด็กยุค 80’s ที่ฝังใจกับบทบาทการแสดงเป็น Bad Boy ของตนเอง จนผันตัวเป็นวายร้ายในชีวิตจริง หนีไปได้จากการขโมยโคตรเพชร

กรู ตกอับ และพบว่าตัวเองมีน้องฝาแฝด ดรู ซึ่งร่ำรวยจากมรดกของพ่อที่เป็นอาชญากร ดรูบอกกรูว่า “ฉันพาพี่มาเพื่อสานต่อภารกิจครอบครัว” นั่นคือ การกลับไปเป็นอาชญากรตัวร้ายดังเดิม

Advertisement

พ่อทิ้งอุปกรณ์และเครื่องมือก่อการร้ายไว้มากมาย กรูต้องตัดสินใจหนัก เขาไม่ลืมว่าการเป็นวายร้ายให้ความรู้สึกที่ดีขนาดไหน จะหวนกลับสู่ชีวิตแบบเดิม โดยมีเหล่ามินเนียนและดรูสนับสนุน หรือจะเป็นสามีที่ดีของลูซี่ และเป็นพ่อที่เป็นแบบอย่างให้กับลูกสาวทั้งสามคน มาร์โก อีดิธและแอ็กเนส แล้ว บัลธาซาร์ แบรทท์ ล่ะ จะปล่อยไว้ให้ป่วนเมืองอย่างนั้นหรือ

งานภาพของหนังเรื่องนี้สดใส สวยงามไม่แพ้สองภาคที่ผ่านมา แต่แจกบทให้ตัวละครมากเกินไป

ภาคนี้แนะนำให้คนดูรู้จักดรู น้องฝาแฝดที่ไม่ค่อยได้เรื่องได้ราวของกรู แจกบทให้ลูซี่เป็นแม่มือใหม่ ที่พยายามสร้างความประทับใจกับลูกๆ ทั้งสามคนของกรู ทั้งเพิ่มความน่ารัก และน้ำใจงดงามของแอ็กเนสที่พยายามช่วยครอบครัว และตามหาความฝันเรื่องยูนิคอร์นที่เธอชื่นชอบ รวมทั้งเปิดตัวบัลธาซาร์ แบรทท์ วายร้ายขาแดนซ์ ที่มาพร้อมเพลงดังในอดีต

Advertisement

รายละเอียดที่ใส่ให้ตัวละครเหล่านี้ ทำให้แฟนคลับมินเนียนอาจจะผิดหวัง เพราะบทมินเนี่ยนภาคนี้ค่อนข้างน้อยกว่าทุกภาค แต่ยังคงสร้างสีสัน เป็นตัวป่วน และสร้างความโกลาหนดังเดิม มินเนี่ยนตัวนำภาคนี้ ไม่ใช่มินเนี่ยนที่เราเคยรู้จักจากหนังมินเนี่ยน (บ๊อป เควิน สจ๊วต เดฟ หรือเจอร์รี่) แต่เป็นเมล มินเนี่ยนตัวใหม่ทีไม่ยอมกลับไปก่ออาชญากรรม

นอกจากบทใสๆ น่ารักของแอ็กเนสแล้ว บัลธาซาร์ แบรทท์ เป็นวายร้ายที่มีชีวิตชีวามาก เขาจะปรากฏตัวพร้อมเพลงดังต่างๆ ในอดีต เริ่มจากเพลงหวานๆ Take My Breath Away ตามด้วยเพลงที่เหมือนเป็นเพลงธีมประจำตัวของวายร้ายตัวนี้ Bad ของไมเคิล แจ๊กสัน ยังมีเพลงฮิตในอดีต Into The Groove ของมาดอนน่า Take On Me ของ a- ha

ฟาร์เรล วิลเลียมส์ นักร้อง/นักแต่งเพลง เจ้าของรางวัลแกรมมี่ที่เพลง Come Get It Bae ของเขาเป็นเพลงประกอบโฆษณา Red Bull หรือกระทิงแดงในอมริกา ทำหน้าที่โปรดิวซ์และแต่งเพลงให้ Despicable Me ตั้งแต่ภาคแรก และมีเพลงสุดฮิตคือ Happy จาก Despicable Me 2 ที่เคยถูกเสนอชิงรางวัลออสการ์และชนะรางวัลแกรมมี่อวอร์ด ยังคงเป็นผู้ดูแลเรื่องเพลงประกอบ และยังแต่งเพลงใหม่ให้หนังภาคนี้

ที่น่าฟังมากคือเพลง There’s Something Special และมีการสร้างสีสันโดยการนำเพลงเก่าที่เคยดังของเขา Freedom มาประกอบฉากที่เหล่ามินเนียนหนีออกมาจากคุก

แม้จะรู้สึกว่าหนังภาคสามนี้สนุกสู้ภาคที่ผ่านมาไม่ได้ แต่หนัง Despicable Me 3 ยังคงเป็นหนังน่าดู ที่ดูได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เด็กๆ สนุกกับเนื้อหา ส่วนผู้ใหญ่ก็ได้ฟังเพลงเพราะๆ ทั้งในอดีตและเพลงแต่งใหม่ จนอาจเคลิ้มๆ ไปว่ากำลังดูแอนิเมชั่นเรื่อง Sing หนังดังทำเงินของค่ายนี้ที่เพิ่งฉายไปปีที่แล้ว

แต่เนื่องจากหนังไม่ได้ปูให้ทราบเรื่องราวภาคก่อนหน้านี้ ถ้าจะดูให้สนุก ขอแนะนำว่าน่าจะหาเรื่องราวของภาคที่ 1 และ 2 มาดูก่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image