ความคืบหน้าล่าสุดกรณีกระแสข่าว น.ส.เอ (นามสมมุติ) ชาวบ้าน อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นเจ้าสาวที่ถูกเจ้าบ่าวชื่อนายบี (นามสมมุติ) ชาว จ.พิจิตร นำเงินสินสอดกลับกลางคันระหว่างพิธีแต่งงานเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน เนื่องจากฝ่ายชายและญาติไม่พอใจที่ถูกทักท้วงจากฝ่ายเจ้าสาวและญาติว่านำเงินสินสอดมาไม่ครบตามที่ตกลงไว้ก่อนหน้านั้น หลังขาดเงินถึงครึ่งหนึ่ง 50,000 บาท จากที่ตกลงกันไว้ที่ 100,000 บาท
จนฝ่ายเจ้าสาวเข้าแจ้งความที่ สภ.พิมาย จ.นครราชสีมา เพราะต้องการให้ฝ่ายเจ้าบ่าวกลับมารับผิดชอบค่าเสียหายจากค่าใช้จ่ายที่ฝ่ายหญิงจัดงานแต่ง แต่ไม่ติดใจเรื่องสินสอดนั้น ก่อนมีรายงานเพิ่มเติมในวันเดียวกันว่า ทางญาติฝ่ายเจ้าบ่าวยืนยันว่าจะไม่ชดใช้ค่าจัดงานแต่งงาน ซึ่งหากฝ่ายเจ้าสาวอยากได้เงินให้ไปฟ้องร้องศาลเอาเองนั้น
ล่าสุดทั้งสองฝ่ายเหมือนจะเคลียร์ปัญหาได้แล้ว หลังนายบุญสวน วารีศรี อายุ 51 ปี พ่อเจ้าสาวให้สัมภาษณ์วันรุ่งขึ้นวันที่ 25 มิถุนายนว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างมาก สาเหตุเกิดจากความไม่เข้าใจกันของญาติ 2 ฝ่าย ส่วนตนและภรรยาไม่มีปัญหาอะไรกับเงินค่าสินสอดที่ไม่ครบอยู่แล้ว แต่ด้วยความที่ญาติทั้ง 2 ฝ่ายอารมณ์ร้อน จึงเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น
นายบุญสวนกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ในส่วนของว่าที่ลูกเขยนั้นตนก็รักและเอ็นดูเขา อยากให้มาอยู่ดูแลลูกสาวเพื่อให้เป็นฝั่งเป็นฝา ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่ความผิดของเจ้าสาวและเจ้าบ่าว แต่เป็นความอารมณ์ร้อนของญาติทั้ง 2 ฝ่ายเท่านั้น แต่ตอนนี้ทุกคนได้เจรจาพูดคุยเข้าใจกันดีแล้ว ส่วนตนก็จะไม่ติดใจเอาความอะไรกับฝ่ายเจ้าบ่าว ส่วนที่ไปสถานีตำรวจก็เป็นแค่ลงบันทึกประจำวันเท่านั้น ไม่ใช่การแจ้งความ จึงสามารถเจรจากันได้ ไม่มีการดำเนินคดีใดๆ ส่วนเรื่องค่าสินสอดก็จะไม่มีการเรียกเพิ่มแน่นอน เพราะตนไม่อยากให้กลายเป็นประเด็นอีก เพียงแต่อยากให้เรื่องจบกันด้วยดี เพื่อให้ลูกสาวได้มีครอบครัวที่มีความสุข ผู้เป็นพ่อ-แม่ก็จะพลอยมีความสุขไปด้วย นายบุญสวนกล่าวทิ้งท้าย
