เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 25 มิถุนายน 2560 พระราชวิจิตรปฏิภาณ เจ้าคณะจังหวัดชุมพร (มหานิกาย) และเจ้าอาวาสวัดราชบุรณะ ต.ท่ามะพลา อ.หลังสวน จ.ชุมพร เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ บก.ปปป.และเจ้าหน้าที่ สตง.ที่ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีทุจริตเงินทอนงบบูรณะและปฏิสังขรณ์วัดที่วัดราชบุรณะ และอีก 3 วัดคือ วัดเล็บกระรอก วัดดอนสะท้อน และวัดท้องตมใหญ่ ต.ด่านสวี อ.สวี ได้เดินทางกลับแล้ว ซึ่งทั้ง 4 วัดก็ได้ให้รายละเอียดตลอดจนเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวแก่เจ้าหน้าที่ทั้งสองหน่วยงานจนหมดแล้ว และหลังจากนี้คงต้องรอว่าทั้งสองหน่วยงานจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ในฐานะเจ้าคณะจังหวัดฝ่ายมหานิกาย ขอยืนยันอีกครั้งว่า วัดและเจ้าอาวาสของทั้ง 4 วัดไม่มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับการทุจริตที่เกิดขึ้นเลย ทุกขั้นตอนเจ้าหน้าที่จากสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติจากส่วนกลางและผู้รับเหมาบูรณปฏิสังขรณ์แต่ละวัดซึ่งไม่ใช่ผู้รับเหมาในพื้นที่เป็นผู้ดำเนินการจัดการทั้งหมด ทุกวัดจึงเชื่อใจว่าไม่น่าจะมีอะไรผิดปกติ
ด้าน พ.ต.อ.คำสิงห์ ศรียาภัย ผกก.สภ.สวี อ.สวี จ.ชุมพร กล่าวว่า ขณะนี้ พล.ต.ต.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ ผบก.ภ.จว.ชุมพร ได้มีคำสั่งคุ้มครองพยาน โดยให้ สภ.สวีจัดเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้เจ้าอาวาสวัดเล็บกระรอก วัดดอนสะท้อน และวัดท้องตมใหญ่ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเป็นตำรวจสายสืบทั้งในและนอกเครื่องแบบจำนวน 10 นาย และเจ้าหน้าที่สายตรวจรถยนต์อีก 4 นาย หมุนเวียนกันเข้าไปดูแลความปลอดภัยวันละ 2 ผลัด โดยในวัดทั้ง 3 วัดจะมีสมุดลงเวลาดูแลความปลอดภัย ซึ่งขอยืนยันว่า จะต้องไม่มีเหตุการณ์ไม่ดีเกิดขึ้นกับเจ้าอาวาสของทั้ง 3 วัดที่ถือเป็นพยานของกรณีดังกล่าวอย่างแน่นอน
สำหรับพระครูนิวิฐศิลวัตร เจ้าคณะตำบลด่านสวี เจ้าอาวาสวัดท้องตมใหญ่ ต.ด่านสวี อ.สวี จ.ชุมพร ซึ่งเป็น 1 ใน 4 วัดใน จ.ชุมพรที่ถูกระบุว่าเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว และไม่ได้เดินทางเข้าร่วมแถลงข่าวที่วัดราชบุรณะเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2560 ด้วย โดยแจ้งว่าติดกิจนิมนต์ ผู้สื่อข่าวพยายามโทรศัพท์ติดต่อทางหมายเลข 080-8850817 หลายครั้งแต่สามารถติดต่อได้ ส่วนแหล่งข่าวในสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดชุมพร ก็เปิดเผยว่า ขณะนี้คงต้องรอคำสั่งจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติส่วนกลางเท่านั้นว่าจะให้สำนักงานพระพุทธศาสนาในพื้นที่ดำเนินการอย่างไร และผู้ที่จะให้รายละเอียดในเรื่องนี้ได้ก็คือผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติคนเดียวเท่านั้น
