เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวภายหลังยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้ตรวจสอบขั้นตอนการออกร่างพ.ร.บ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ และร่างพ.ร.บ.แผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ ที่ สนช.ได้ลงมติผ่านความเห็นชอบในวาระ 3 เมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ เนื่องจากร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ คณะรัฐมนตรีมีมติเสนอร่างฯไปยัง สนช. เมื่อวันที่ 4 เมษายน ก่อนที่รัฐธรรมนูญปี 2560 จะประกาศบังคับใช้ ดังนั้นร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับที่ตราขึ้น น่าจะขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 259 วรรคสอง และมาตรา 275 เพราะทั้งสองมาตรา ระบุชัด ว่าจะต้องจัดการให้การเสนอหรือตรากฎหมายหลังจากที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มีผลประกาศใช้ เป็นเหตุให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน สามารถเสนอเรื่องพร้อมความเห็นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้เพื่อให้ได้ข้อยุติก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะดำเนินการตามมาตรา 81 ต่อไป
นายเรืองไกร กล่าวว่า การที่ครม.อ้างเหตุผลการจัดทำร่างกฎหมายปฎิรูปและยุทธศาสตร์เป็นการอ้างมาตรา 65 และ 259 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ไปใช้บังคับย้อนหลังทำไม่ได้ เนื่องจากวันที่ ครม.ประชุม และมีมติดังกล่าว รัฐธรรมนูญยังไมมีผลบังคับ ทั้งนี้ มาตรา 164 ยังมีบทบัญญัติไว้ส่วนหนึ่งว่า ถ้ายังไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ คณะรัฐมนตรีย่อมไม่มีอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดินตามบทบัญญัตินั้นๆ กรณีที่ครม.ลงมติเสนอรางกฎหมาย ทั้งสองฉบับ โดยอาศัยบทบัญญัติที่ยังไม่มีผลบังคับใช้มาเป็นเหตุผลในการจัดทำร่างกฎหมายทั้งสองฉบับ เป็นการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามครรลองของรัฐธรรมนูญ จึงเป็นการบริการราชการแผ่นดินที่ไม่ชอบ และหาก สนช.ยอมรับว่าการจัดทำร่างกฎหมายทั้งสองฉบับ ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน เป็นเรืองที่ทำได้ ก็แสดงว่า รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มีผลบังคับย้อนหลังได้ เท่ากับว่าในวันที่ 4 เมษายน ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญซ้อนกันอยู่ทั้งรัฐธรรมนูญ(ฉบับชั่วคราว)พ.ศ.2557 และ รัฐธรรมนูญ 2560 จึงอาจไม่ชอบตามไปด้วย เพราะเข้าลักษณะเป็นการตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 148 ที่ต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป”นายเรืองไกร กล่าว
