ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ แสดงความยินดีกับคำพิพากษาของศาลฎีกาที่อนุญาตให้มีการบังคับใช้คำสั่งผู้บริหารบางส่วนที่เขาเป็นผู้ลงนามห้ามการเดินทางเข้าสหรัฐของพลเมืองจากชาติมุสลิม 6 ชาติ ประกอบด้วย อิหร่าน ลิเบีย ซีเรีย โซมาเลีย ซูดาน และเยเมนเป็นเวลา 90 วัน และห้ามผู้อพยพเดินทางเข้าสหรัฐเป็นเวลา 120 วัน
ทรัมป์ระบุว่า คำตัดสินของศาลฎีกาถือเป็นชัยชนะทางด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ และว่าในฐานะประธานาธิบดี ตนไม่สามารถที่จะอนุญาตให้คนที่คิดจะทำร้ายหรือทำอันตรายสหรัฐเดินทางเข้ามาในประเทศนี้ได้ พร้อมระบุด้วยว่าคำสั่งห้ามการเดินทางดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ภายใน 72 ชั่วโมงนับจากที่ศาลมีคำตัดสิน
ทั้งนี้ภายใต้คำตัดสินดังกล่าว ศาลฎีกาได้อนุญาตให้คำสั่งห้ามการเดินทางเข้าสหรัฐมีผลบังคับใช้ต่อชาวต่างชาติที่ไม่มีสายสัมพันธ์ใดๆ กับบุคคลหรือหน่วยงานในสหรัฐ พร้อมกับอนุมัติให้การห้ามการเดินทางเข้าสหรัฐในส่วนของผู้อพยพมีผลบังคับใช้ และจะเปิดให้มีการไต่สวนเรื่องอีกครั้งในเดือนตุลาคมนี้ว่านโยบายดังกล่าวควรจะถูกบังคับใช้ต่อไปหรือล้มเลิก
ทั้งนี้ทรัมป์มีเสียงข้างมากในองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาที่ 5 ต่อ 4 เสียง เนื่องจากองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาชุดปัจจุบัน 5 คนถูกแต่งตั้งจากพรรครีพับลิกัน โดยคนล่าสุดเพิ่งได้รับการแต่งตั้งเข้าร่วมกับองค์คณะผู้พิพากษาเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และมีผู้พิพากษาเพียง 4 คนที่แต่งตั้งโดยพรรคเดโมแครต ขณะที่มีผู้พิพากษาศาลฎีกาถึง 3 คนเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรว่าจะเดินหน้าอนุญาตให้มีการบังคับใช้คำสั่งห้ามเดินทางดังกล่าวอย่างเต็มรูปแบบต่อไป
