เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน นายพิสิษฐ์ รื่นเกษม อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25/9 เขตเทศบาลตำบลร่อนทอง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เจ้าของสถานีวิทยุชุมชนและสื่อมวลชนหนังสือพิมพ์ส่วนกลางฉบับหนึ่ง เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดยนำทุเรียนป่าละอูน้ำหนัก 5 กิโลกรัม (กก.) ที่ซื้อจากการเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวจัดโดยท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ผอ.ททท.) ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งจัดให้มีการจัดจำหน่าย ‘ทุเรียนป่าละอู’ ของแท้ในราคาพิเศษจากชาวสวนถึงผู้ซื้อโดยตรง ด้านหน้าสำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
นายพิสิษฐ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวพร้อมด้วยสื่อมวลชนจำนวนมาก โดย ททท.ได้นำชมสวนทุเรียนและจัดจำหน่ายทุเรียน เพื่อนำเสนอผ่านสื่อ ต่อมาได้ซื้อทุเรียน 1 ผล ราคา 900 บาท จากราคาปกติ กก.ละ 200 บาท แต่จำหน่ายราคาพิเศษให้กับคณะสื่อมวลชนเพียง กก.ละ180 บาท พร้อมติดป้ายสติ๊กเกอร์ยืนยันว่าเป็น ‘ทุเรียนป่าละอู’ แท้ โดยตนได้แจ้งให้ผู้ขายเลือกผลที่จะรับประทานได้ในวันที่ 26 มิถุนายนนี้ จากนั้นเมื่อเสร็จสิ้นการทำกิจกรรมกับ ททท.ตนได้เดินทางไปเยี่ยมญาติที่ จ.สมุทรปราการพร้อมนำทุเรียนดังกล่าวไปเป็นของฝาก
“กระทั่งถึงกำหนดวันรับประทานจึงแกะทุเรียนผลดังกล่าวปรากฏว่าเป็น ทุเรียนอ่อน เนื่องจากเมล็ดในมีสีเหลืองอ่อน เนื้อทุเรียนแข็ง และมีสีขาวไม่สามารถรับประทานได้ จึงได้นำทุเรียนไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน เพื่อให้ผู้จำหน่ายแสดงความรับผิดชอบ พร้อมแจ้งเตือนประชาชนที่นิยมซื้อทุเรียนป่าละอูให้ตรวจสอบคุณภาพสินค้าให้ชัดเจน เนื่องจากทุเรียนป่าละอูมีราคาสูงกว่าชนิดอื่นในท้องตลาด มีประชาชนสนใจซื้อทั่วประเทศมีทั้งการขายตรงและส่งขายทางไปรษณีย์ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแนะนำให้นำบันทึกประจำวันไปแจ้งความอีกครั้งที่ สภ.หนองพลับ อ.หัวหิน ท้องที่เกิดเหตุ และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องติดตามเจ้าของสวนมาตรวจสอบผลผลิตดังกล่าว เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อไป” นายพิสิษฐ์กล่าว
