น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และในฐานะประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว ได้เห็นชอบอนุมัติขายข้าวในสต็อกของรัฐในล็อตที่เปิดประมูลข้าวเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน หรือเข้าสู่อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ปริมาณ 2.2 ล้านตันแล้ว เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยคณะอนุฯอนุมัติขายเกือบ 2 ล้านตัน จากที่มีผู้เสนอซื้อสูงสุด 2.12 ล้านตัน หลังจากนี้คาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะนำเสนอต่อพลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะในฐานะคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) พิจารณาอนุมัติขายต่อไป
“ขณะนี้ข้าวในสต็อกของรัฐเหลืออยู่ประมาณ 8 แสนตัน แบ่งเป็น ข้าวกลุ่มที่ 1 มีคุณภาพเพื่อการบริโภค ประมาณ 1.6 แสนตัน จะเปิดประมูลในเดือนสิงหาคมนี้ กลุ่ม 2 ข้าวคุณภาพที่เข้าสู่อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ อีก 2 แสนตัน และกลุ่ม 3 ข้าวเสื่อมคุณภาพที่จะระบายสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่อาหารคนและสัตว์ (อุตสาหกรรมพลังงาน) ปริมาณ 5 แสนตัน จะเปิดระบายในเดือนกรกฎาคมนี้ ทั้งนี้หลังจากเปิดประมูลแต่ละรอบไปแล้วจะต้องดูปริมาณข้าวทั้ง 3 กลุ่มที่เหลือเท่าไหร่ ซึ่งจะนำเสนอให้ นบข.ทราบในช่วงการประชุมเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อจะได้แนวทางที่ชัดเจนการระบายข้าวในแต่ละกลุ่มที่เหลือต่อไป”น.ส.วิบูลย์ลักษณ์กล่าว
น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ กล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการดูแลข้าวและชาวนารับปีการผลิต 2560/61 นั้น จะทยอยออกมา เช่น กระทรวงพาณิชย์จะไปเข้าไปบริการจัดการโควตาการส่งออกข้าวอินทรีย์ส่งไปขายตลาดสหภาพยุโรป ประมาณ 2 พันตัน รวมทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอให้มีสินเชื่อแก่โรงสีที่รับซื้อข้าวอินทรีย์ของชาวนา ในราคาตามคุณภาพข้าว คาดว่าทั้ง 2 มาตรการจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัปดาห์หน้า มาตรการดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมให้มีการผลิตข้าว ซึ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้น โดย 3 ปีที่ผ่านมา มีการผลิตข้าวอินทรีย์แล้ว 1 ล้านไร่ ประมาณ 6 แสนตัน ส่วนในปีนี้มองว่าราคาข้าวดี เกษตรกรจะมีรายได้สูงกว่าปีที่ผ่านมา ขณะนี้ราคาข้าวขยับขึ้นมาเฉลี่ยอีก 350 บาทต่อตัน จาก 2 วันก่อน เช่น ขณะนี้ ข้าวเปลือกหอมมะลิอยู่ที่ 8,500-13,000 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกเหนียว 12,000 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกเจ้า 9,000 บาทต่อตัน
