ร่างพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งกำลังกลายเป็นเวที “ละคร” ขนาดใหญ่
ธรรมชาติของ”ละคร”ย่อมแบ่งแยก เด่นชัด
ใครเล่นบทเป็น “พระเอก” ใครเล่นบท “พระรอง” ใครเล่นบทเป็น “ผู้ร้าย” ใครเล่นบทเป็น “ตัวประกอบ”
เหมือนกับ “กรธ.”จะเล่นบท “พระเอก”
กระนั้น ท่าทีในแบบ “ปฎิเสธ” อย่างมากด้วยอารมณ์จาก นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เด่นชัดว่า ไม่น่าจะได้เป็น “พระเอก”อย่างที่เข้าใจกัน
“สนช.”ต่างหากกำลังจะแย่ง “ซีน”
การเติมรายละเอียดเข้าไปในกระบวนการ”ไพรมารีโหวต”ทำให้ คณะกรรมาธิการอันมาจาก”สนช.”ได้เป็นพระเอกโดยพลัน
ชี้ต้นตาย ชี้ปลายเป็น”การเลือกตั้ง”
น่ายินดีที่ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)สะท้อนความ เห็นต่างจาก นายมีชัย ฤชุพันธุ์
ในเรื่อง”ไพรมารี่ โหวต”
น่ายินดีที่กกต.มอบหมายให้ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร เล่นบทเป็น “โฆษก”
อย่างนี้จึงค่อยสมน้ำ สมเนื้อ
แม้ว่ากกต.จะไม่ได้อยู่ใน “แม่น้ำ 5 สาย”เหมือนกับกรธ.หรือสนช. แต่ก็ถือได้ว่ารู้เส้นสนกลในของ”แม่น้ำ 5 สาย”อย่างทะลุปรุใส
เหมือน”ราชบัณฑิต” อ่าน”มูลบทบรรพกิจ”
สถานการณ์การถกเถียงในเรื่อง “ไพรมารี โหวต”เริ่มต้นเหมือนกับว่า “นักการเมือง”จะเป็น”ผู้ร้าย”
ที่จำเป็นต้องเข้มก็เพราะ”นักการเมือง”
ต้องการจัดระเบียบ วางโครงสร้างให้กับ “พรรคการเมือง”เพื่อจะได้ปฏิรูป “นักการเมือง”ให้เข้ารูปเข้ารอย
แต่ท่าทีอันมาจาก นายมีชัย ฤชุพันธุ์
เมื่อประสานเข้ากับความแข็งกร้าวของกกต.ผ่าน นายสมชัย ศรีสุทธิยากร
ดูเหมือนว่า”สนช.”จะมิใช่”พระเอก”
แม้ว่านักการเมืองจะยังเป็น”ผู้ร้าย”อยู่แต่ทั้งสนช.และกรธ.ก็ไม่น่าจะเป็น”พระเอก”เหมือนที่คาดคิดเอาไว้