แฉทนายแสบอมเงิน5ล้าน เคยโดนแบน2ปีห้ามว่าความ เหตุขัดข้อบังคับมรรยาท

จากกรณีมีผู้พบเห็น น.ส.พรทิพย์ จันทรัตน์ อายุ 44 ปี เข็นรถวีลแชร์ที่มีลูกสาวชื่อน้องบีม นั่งมา ตระเวนขายของตามศาลาวัด ที่วัดชลประทานรังสฤษฎ์ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เพื่อหาเงินเลี้ยงตัวเองและบุตรสาวในแต่ละวัน หลังประสบอุบัติเหตุรถปิกอัพชนกับรถพ่วง 18 ล้อ เหตุเกิดที่ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เป็นเหตุให้นายอรุณรัตน์ แก้วผ่อง สามี น.ส.พรทิพย์ เสียชีวิต ส่วนน.ส.พรทิพย์ ได้รับบาดเจ็บสาหัส และน้องบีม กระดูกทับไขสันหลังกลายเป็นคนพิการต้องนั่งวีลแชร์ ต่อมาได้รับการช่วยเหลือจากนายพิสิษฐ์(สงวนนามสกุล) ทนายความช่วยดำเนินการทางคดี โดยบริษัทรถพ่วงคู่กรณีจ่ายเงินเยียวยา 5 ล้านบาท แต่นายพิสิษฐ์ กลับจ่ายให้กับ น.ส.พรทิพย์ เดือนละ 40,000 หมื่นบาท เป็นเวลา 7 เดือน ก่อนหนีไปและติดต่อไม่ได้

เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม นายสรัลชา ศรีชลวัฒนา เลขาธิการสภาทนายความเปิดเผยว่า ขณะนี้ สภาทนายความ ติดต่อและส่งหนังสือแจ้งให้น.ส.พรทิพย์ แม่น้องบีม ผู้เสียหายในฐานะผู้กล่าวหา มาให้ปากคำในวันที่ 4 กรกฎาคม สำหรับนายพิสิษฐ์ ทนายความ พบว่าเคยมีประวัติถูกสภาทนายความ ห้ามทำการเป็นทนายความ เป็นเวลา 2 ปี ในช่วง 2550-2552 กรณีฝ่าฝืนข้อบังคับหรือมรรยาททนายความ จะต้องถูกลงโทษ 3 สถาน เรียงลำดับโทษจากเบาไปหาหนัก คือภาคฑัณฑ์ , ห้ามทำการเป็นทนายความมีกำหนดไม่เกิน 3 ปี และโทษหนักคือลบชื่อออกจากทะเบียนทนายความ ครั้งนั้น นายพิสิษฐ์ถูกสั่งห้ามเป็นทนายความ2ปี หลังพ้นโทษสามารถกลับมาเป็นทนายความได้ เนื่องจากความผิดในครั้งนั้นไม่รุนแรง เเละคณะกรรมการสอบสวนสามารถให้อภัยได้

นายสรัลชา กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นในขณะนี้ หากตรวจพบว่านายพิสิษฐ์ โกงเงินน.ส.พรทิพย์ แม่น้องบีมจริง ถือเป็นความผิดร้ายเเรง สภาทนายความจะลบชื่อออกจากทะเบียนประวัติทนายความ เเม้กฎหมายจะระบุว่า ทนายความที่ถูกลบชื่อออกจากทะเบียนประวัติทนายความเเล้วเป็นเวลา 5 ปี สามารถยื่นคำร้องขอเป็นทนายความได้อีก เเต่จะมีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนพิจารณาอย่างละเอียด ถ้าเป็นโทษเกี่ยวกับการเงิน การหลอกเอาเงินลูกความ เเละความซื่อสัตย์ในวิชาชีพ คณะกรรมการจะพิจารณาไม่ให้กลับมาประกอบอาชีพทนายความได้อีก อย่างไรก็ดีจนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อนายพิสิษฐ์ได้

เลขาธิการสภาทนายความ กล่าวด้วยว่า ทนายในทะเบียนประวัติมีอยู่จำนวนมาก ยอมรับว่ามีทั้งทนายที่ดีและทนายที่ไม่ดี ทางสภาทนายความขอร้องให้ประชาชนทำความเข้าใจ เนื่องจากสงสารคนที่ทำงานอย่างสุจริต อีกทั้งทนายที่ชื่อพิสิษฐ์ อยากให้สื่อมวลชนระบุชื่อและนามสกุลให้ชัดเจน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบกับบุคคลอื่นๆ

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image