เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 1 กรกฎาคม ที่ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายศุภวัชร ศักดา รอง ผวจ.สุราษฎร์ธานี แถลงข่าวกรณีมีการเผยแพร่คลิปความขัดแย้งระหว่างสมาชิกสภาเทศบาล ต.ท่าชนะ อ.ท่าชนะกับประชาชนที่ไม่มีรายชื่อได้รับเงินช่วยเหลือระหว่างการมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่อาคารอเนกประสงค์เทศบาลตำบลท่าชนะ เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ว่า การมอบเงินดังกล่าวเป็นครั้งที่ 2 จำนวน 896 ครอบครัว เป็นเงิน 3,145,500 บาท กรณีนางทุเรียน สุทธิ ผู้ประสบภัยที่ไม่มีรายชื่อในการขอรับเงินฯเนื่องจากได้ยื่นคำขอต่อทางอำเภอท่าชนะเมื่อวันที่ 16 พ.ค.60 หลังจากทางอำเภอได้ส่งเรื่องขอรับการช่วยเหลือครั้งที่ 2 มาให้จังหวัดพิจารณาอนุมัติแล้ว ซึ่งทางจังหวัดจะประสานกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพื่อขอขยายเวลาการให้ความช่วยเหลือต่อไป
นายศุภวัชร กล่าวว่า การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ อ.ท่าชนะ ครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มี.ค.60 จำนวน 646 ครอบครัว เป็นเงิน 3,175,670 บาท และทางอำเภอได้แจ้งว่ายังมีผู้ประสบภัยที่ตกหล่นไม่ได้รับการช่วยเหลืออีก 896 ครอบครัว โดยได้นำรายชื่อเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ อ.ท่าชนะ กลั่นกรองเมื่อวันที่ 11 พ.ค.60 แล้วได้ส่งมาให้ทางจังหวัดพิจารณาซึ่งได้มีการสอบถามกับอำเภอท่าชนะและปลัดเทศบาลตำบลท่าชนะยืนยันว่าไม่มีผู้ประสบภัยตกค้างแล้วทางจังหวัดจึงได้อนุมัติตามจำนวนที่แจ้งมาทั้งหมด
“ กรณีขัดแย้งที่เกิดขึ้นจะต้องตรวจสอบตามข้อเท็จจริงก่อน สำหรับเงินช่วยเหลือของทางราชการมีระเบียบและหลักเกณฑ์ให้ความช่วยเหลือเป็นครอบครัวๆละไม่เกิน 11,000 บาท ไม่ว่าจะมีสมาชิกกี่คนก็ตาม ดังนั้นการจ่ายเงินให้แต่ละครอบครัวจึงอาจมีจำนวนไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงของความเสียหายและสมาชิกแต่ละครอบครัวมิได้เกิดจากสภาพพื้นที่ ” นายศุภวัชร กล่าว
ด้านนายสนอง แดงบุญ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลท่าชนะ เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุขัดแย้งวิวาทกันตนอยู่ในอาคารอเนกประสงค์เทศบาลตำบลท่าชนะ กำลังถือไมค์ประชาสัมพันธ์อำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้าแถวไปยื่นเอกสารเพื่อตรวจสอบตามลำดับโต๊ะเจ้าหน้าที่ จู่ๆมีเสียงพูดดังเรื่องไม่ได้รับเงินหรือรับเงินไม่เท่ากันที่ด้านหลังเจ้าหน้าที่กำลังตรวจเอกสารและมีบุคคลภายนอกถือกล้องถ่าย
นายสนอง กล่าวว่า เห็นว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสมเพราะเจ้าหน้าที่กำลังทำงานอยู่ หากจะร้องเรียนไม่รับความเป็นธรรมที่ไม่ได้รับเงินหรือได้รับน้อยควรจะไปแจ้งกับ ปภ.อำเภอ ,ฝ่ายปกครองอำเภอหรือที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ เมื่อมี ส.ท.รายหนึ่งเข้าไปบอกห้ามจึงเกิดเสียงดังโวยวายฉุดยื้อกัน ซึ่งตนได้เข้าไปห้ามกลับถูกต่อว่ากลับมาซึ่งข่าวที่ออกไปรุนแรงเกินความจริงมาก
“ กรณีนางทุเรียนที่ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวในที่เกิดเหตุได้เคยมายื่นเอกสารแล้วและขอนำกลับไป พอมายื่นใหม่ได้เลยเวลาที่คณะกรรมการอำเภอส่งให้ทางจังหวัดไปแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ให้เซ็นต์วันที่มายื่นเอกสารเป็นหลักฐานไว้ สำหรับการจ่ายเงินช่วยเหลือมีกรรมการหลายฝ่ายทั้ง ปภ.อำเภอ เกษตรอำเภอ ฝ่ายปกครองอำเภอ ร่วมกลั่นกรองหลายชั้นก่อนจะอนุมัติให้ตามสภาพความจริง โดยตนไม่ได้มีชื่อเป็นกรรมการด้วย ” นายสนอง กล่าว
นายสนอง กล่าวและว่า ตนทำงานการเมืองมาร่วม 20 ปีไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้เลย อ.ท่าชนะ เป็นพื้นที่เล็กมีความสงบสุขมีแต่เรื่องดีๆของพื้นที่ แต่เหตุการณ์ครั้งนี้คล้ายกับมีการตั้งใจจะให้เกิดมีการโวยวายให้เป็นเรื่องเสื่อมเสียของ อ.ท่าชนะ ทั้งที่บางรายควรรู้ตัวมาแจ้งชื่อช้าว่ากำหนดจึงยังไม่มีสิทธิที่จะได้รับเงิน และเทศบาลไม่ได้เป็นผู้อนุมัติเงินก้อนนี้ ซึ่งตนพร้อมจะชี้แจงข้อเท็จจริงต่อกรมส่งเสริมปกครองส่วนท้องถิ่น (สถ.)และทางจังหวัด
