สปท.รุมค้าน หั่นหลักสูตรสถาบันพระปกเกล้า สุดท้ายไฟเขียวเห็นชอบ แต่งดออกเสียงอื้อ

สปท.ถกต่อรายงานปฏิรูปงานรัฐสภา สมาชิกรุมค้านหั่นหลักสูตรสถาบันพระปกเกล้า สุดท้ายไฟเขียวเห็นชอบ แต่งดออกเสียงอื้อ

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 3 กรกฎาคม ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) โดยมีน.ส.วลัยรัตน์ ศรีอรุณ รองประธานสปท.คนที่สอง เป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณารายงาน “การปฏิรูปการปฏิบัติงานในรัฐสภา” ของคณะกรรมาธิการ(กมธ.) ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สปท. ต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ยังพิจารณาไม่แล้วเสร็จ มีสาระสำคัญอาทิ การเสนอให้ตัดการจัดสรรงบประมาณเดินทางไปดูงานต่างประเทศของส.ส.และส.ว. เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นการเดินทางไปท่องเที่ยว ไม่ใช่การดูงาน โดยใช้ภาษีประชาชน การเสนอไม่ให้แจกคอมพิวเตอร์แบบพกพาแก่สมาชิกรัฐสภา การกำหนดมาตรฐานจริยธรรมของสมาชิกรัฐสภาให้มีความชัดเจนและมีบทลงโทษที่รุนแรงมากขึ้น การเสนอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรไม่จำเป็นต้องมาจากพรรคการเมืองเสียงข้างมาก รวมถึงการเสนอให้แก้ไขพ.ร.บ.สถาบันพระปกเกล้า พ.ศ.2541 ให้สถาบันพระปกเกล้าเป็นหน่วยงานทางวิชาการในการช่วยงานรัฐสภาเป็นสำคัญ อีกทั้งให้จัดหลักสูตรทางวิชาการเฉพาะสมาชิกรัฐสภาและตัวแทนพรรคการเมืองเท่านั้น โดยให้ยกเลิกหลักสูตรอื่นๆที่สร้างคอนเนคชั่นเชื่อมโยงกับนักการเมือง ผู้มีอำนาจ องค์กรอิสระ ที่สร้างความเหลื่อมล้ำให้ประชาชนที่ต้องวิ่งเต้น ใช้เส้นสายเข้าเรียนหลักสูตรต่างๆ

ทั้งนี้ สมาชิกสปท.บางส่วนอภิปรายท้วงติงการตัดงบประมาณดูงานต่างประเทศ โดยเห็นว่า การดูงานต่างประเทศยังมีความจำเป็นอยู่ ไม่ควรตัดทิ้งทั้งหมด ควรพิจารณาเห็นชอบเป็นกรณีๆไป ขณะที่สมาชิกสปท.หลายคน ท้วงติงเนื้อหารายงานที่เสนอให้สถาบันพระปกเกล้ายกเลิกการจัดหลักสูตรต่างๆของสถาบันฯ อย่างไรก็ตาม นายกษิต ภิรมย์ รองประธานสปท.ด้านการเมือง ได้ชี้แจงว่า การจัดหลักสูตรของสถาบันพระปกเกล้าหลายหลักสูตรที่ระบุว่า เป็นการส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตยนั้น ถามว่าไปเทียบกับประเทศใด ถ้าเป็นประเทศเพื่อนบ้านอย่านำไปเปรียบเทียบ เพราะเป็นการชมตัวเอง โดยเฉพาะการคัดเลือกคนที่เข้าไปเรียนหลักสูตรต่างๆไม่ได้เข้าไปเรียน แต่เป็นนักล่าประกาศนียบัตร หรือไปหาคอนเนคชั่น บางคนเรียนเกือบทุกหลักสูตรเวียนอยู่อย่างนั้น คิดว่าเรียนแค่หลักสูตร วปอ.ก็พอแล้ว และเมื่อไปอบรมมาไม่เห็นนำใช้ประโยชน์ หรือพัฒนาประชาธิปไตย การเมืองไทยถึงได้เน่าเฟะ ทำให้ต้องมีการปฏิรูปขณะนี้ จึงอยากให้สถาบันพระปกเกล้าพัฒนาตรวจสอบคุณสมบัติว่า จะเข้ามาเรียนเพื่ออะไร อยากให้คนที่มาเรียนสถาบันพระปกเกล้านำความรู้มาพัฒนาส่งเสริมงานของรัฐสภาได้ ไม่ใช่คนเดียวเรียนหลายหลักสูตรเหมือนทุกวันนี้

จากนั้น ในช่วงท้ายการประชุม ก่อนที่จะมีการลงมติ มีสมาชิกสปท. 48 คน ขอให้กมธ.นำเนื้อหารายงานดังกล่าวไปปรับปรุงแก้ไข โดยเฉพาะเรื่องการปฏิรูปสถาบันพระปกเกล้าที่กมธ.ควรนำไปปรับปรุงให้เป็นไปตามรายงานสถาบันพระปกเกล้าปี 2554 แต่นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานสปท.การเมือง และนายกษิต ภิรมย์ รองประธานสปท.การเมือง ยืนยันว่า จะไม่ปรับปรุงเนื้อหารายงาน ทำให้บรรยากาศห้องประชุมตึงเครียดขึ้นมา ถึงขั้นที่นายศิริชัย ไม้งาม สมาชิกสปท.เสนอญัตติให้แยกโหวตเรื่องการปฏิรูปสถาบันพระปกเกล้าออกมาต่างหากจากรายงานฉบับนี้ ทำให้น.ส.วลัยลักษณ์ ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุม พยายามไกล่เกลี่ยทั้งสองฝ่าย จนในที่สุดนายศิริชัย จึงยอมถอนญัตติ ก่อนที่จะมีการลงมติ ขณะที่นายเสรีระบุว่า จะนำเนื้อหาเฉพาะในส่วนที่ดีไปปรับปรุง แต่ส่วนไม่ดีจะไม่หยิบมา ซึ่งที่ประชุมสปท.เห็นชอบรายงานดังกล่าวด้วยคะแนน 88ต่อ12 งดออกเสียง 48 ส่งเรื่องให้ครม.รับไปดำเนินการพิจารณาต่อไป

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image