ผู้ส่งออกข้าวไทยป่วน ขาดแคลนแรงงานต่างด้าว จนส่งมอบล่าช้า หวั่นกระทบเป้า 10 ล้านตัน วอนรัฐเปิดทางเอกชนร่วมทบทวนพ.ร.ก.

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า ปัจจัยลบต่อการส่งออกข้าวครึ่งหลังปี 2560 และอาจกระทบต่อเป้าหมายการส่งออกทั้งปีนี้ที่ตั้งไว้ 10 ล้านตัน ซี่งปัจจัยลบหนักสุดตอนนี้ คือ ปัญหาขาดแคลนแรงงานขนถ่ายสินค้าที่ท่าเรือ และผลกระทบจากพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 ส่งผลให้สินค้าตกค้างที่ท่าเรือจำนวนมากและส่งมอบข้าวล่าช้ากว่ากำหนด ทั้งนี้ หลังจากประกาศใช้ พ.ร.ก.แรงงานต่างด้าวออกจากระบบและเดินทางกลับประเทศจำนวนมาก ต่อเนื่องถึงขณะนี้ เพราะกังวลเรื่องความผิดและโทษค่าปรับสูง จนขาดแคลนแรงงานกว่า 30-50% และส่งมอบข้าวล่าช้าออกไป จากปกติใช้เวลาขนย้ายและส่งมอบ 7-10 วัน เพิ่มเป็น 30 วัน และส่งผลต่อเนื่องถึงผู้นำเข้าเริ่มกังวลคำสั่งซื้อและชะลอการนำเรือมาส่งมอบข้าว ส่วนหนึ่งหันไปเวียดนามแทนแล้ว ซึ่งผลกระทบต่อตัวเลขส่งออกจะเห็นในเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมนี้

หากภายใน 1-2 เดือนแรงงานต่างด้าวยังไม่กลับเข้าไทยตามปกติ และขาดแคลนแรงงานต่อเนื่อง มีโอกาสที่ส่งออกไทยจะต่ำกว่า 10 ล้านตัน และอาจเสียตลาดให้ประเทศคู่แข่ง ทั้งเวียดนาม และอินเดียได้ จึงอยากให้รัฐบาลเร่งหาแนวทางในการแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด นอกจากนี้ยังมีปัจจัยจากค่าบาทแข็งค่าและผันผวนเร็ว รวมถึงผลผลิตข้าวหลายประเทศเพิ่มขึ้น และปัญหาประเทศผู้นำเข้าข้าวเพิ่มมาตรการกีดกันทางการค้า

ร้อยตำรวจโทเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า สมาคมได้ทำหนังสือถึงหน่วยงานภาครัฐทั้งกระทรวงแรงงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอให้ภาคเอกชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการแก้ พ.ร.ก.แรงงานต่างด้าว เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และไม่เกิดภาวะช็อก ซึ่งการใช้ ม.44 เป็นเพียงการผ่อนคลายระยะสั้น อยากให้ใช้เวลานี้ในการทบทวนในเรื่องว่าจะทำอย่างไรให้ขั้นตอนการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวเร็วขึ้น ค่าใช้จ่ายถูกลง และไม่เป็นอุปสรรคต่อภาคเอกชน ถือว่าเป็นการทบทวนให้มีประสิทธิภาพในระยะยาว

“ขั้นตอนในปัจจุบันการจ้างแรงงานต่างด้าวจะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงเฉลี่ย 3-4 หมื่นบาท/คน หากรัฐบาลยังไม่ทบทวนในเรื่องดังกล่าว ยอมเป็นปัญหาระดับชาติต่อไป เพราะทุกอุตสาหกรรมต่างๆ ต้องอาศัยแรงงานต่างด้าว ทั้งข้าว มันสำปะหลัง อ้อย ยางพารา ซึ่งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้าวบางแห่งอาศัยแรงงานต่างด้าว 50-70% “

Advertisement

สำหรับสถานการณ์การส่งออกข้าวไทย ในครึ่งหลังปี 2560 เบื้องต้นสมาคมยังตั้งเป้าเท่าเดิมที่ 10 ล้านตัน เพราะหลังแรงกดดันสต๊อกรัฐลดลง ทำให้เกิดแรงจูงใจในการผลักดันส่งออก เนื่องจากราคาข้าวไทยขยับสูงขึ้น 20%ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา โดยข้าวเจ้า 5% จากตันละ 350-360 เหรียญสหรัฐ ขยับเป็นตันละ 430 เหรียญสหรัฐ ทำให้ข้าวเปลือกเจ้าเพิ่มจากตันละ 9,500 บาท เป็น 12,500-13,000 บาท ประกอบกับความต้องการข้าวของโลกเพิ่มขึ้น ทั้งตลาดเก่าและตลาดใหม่ ที่ต้องติดตาม คือการเจรจาขายข้าวจีทูจีเพิ่มกับจีน หลังไทยกับจีนได้บรรลุโครงการรถไฟไทย-จีน จากขณะนี้มีสัญญาซื้อขายค้างอยู่ 6 แสนตัน ส่วนครึ่งปีแรก สามารถส่งออกได้ 5.5 ล้านตัน เพิ่มกว่า 15% มูลค่าประมาณ 7 หมื่นล้านบาท ขึ้นมาเป็นที่ 1 ของโลก สูงกว่าอินเดีย ส่งออกได้ 5.1 ล้านตัน และเวียดนามส่งออกได้ 3 ล้านตัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image