นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) ได้จัดสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย เขตทั่วไป และในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เฉพาะจังหวัดยะลา นราธิวาส ปัตตานี และ 4 อำเภอ ในจังหวัดสงขลา คือ อำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี และอำเภอสะบ้าย้อย ซึ่งผลการสอบคัดเลือก ภาค ก และภาค ข เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ปรากฏว่ามีผู้ผ่านเกณฑ์การทดสอบ ภาคความรอบรู้ฯ (ภาค ก) และภาคความรู้ความสามารถที่ใช้เฉพาะตำแหน่ง (ภาค ข) ตามเกณฑ์ร้อยละ 60 และมีสิทธิ์เข้าสอบภาคความเหมาะสมกับตำแหน่ง (ภาค ค) มีจำนวนทั้งสิ้น 6 กลุ่มวิชา 34 ราย จากยอดผู้มาสอบ 91 ราย
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เขตทั่วไป ผลการสอบคัดเลือก ภาค ก และภาค ข เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ปรากฏว่ามีผู้ผ่านเกณฑ์การทดสอบ ภาคความรอบรู้ฯ (ภาค ก) และภาคความรู้ความสามารถที่ใช้เฉพาะตำแหน่ง (ภาค ข) ตามเกณฑ์ร้อยละ 60 และมีสิทธิ์เข้าสอบภาคความเหมาะสมกับตำแหน่งและวิชาชีพ (ภาค ค) มีจำนวนทั้งสิ้น 45 กลุ่มวิชา 2,260 ราย จากยอดผู้มาสอบ 5,466 ราย ซึ่งสอศ. กำหนดการแบ่งรอบการสัมภาษณ์และการประเมินประวัติและผลงาน ของภาคความเหมาะสมกับตำแหน่งและวิชาชีพ ภาค ค โดยแยกเป็น รอบเช้า เข้ารับการสัมภาษณ์และรับการประเมินประวัติและผลงาน จำนวนทั้งสิ้น 1,128 ราย ประกอบด้วย เขตทั่วไป เข้ารับการสัมภาษณ์ฯ จำนวน 1,094 ราย 24 กลุ่มวิชา และในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้ารับการสัมภาษณ์ฯ จำนวน 34 ราย 6 กลุ่มวิชา รอบบ่าย เข้ารับการสัมภาษณ์และรับการประเมินประวัติและผลงาน จำนวนทั้งสิ้น 1,166 ราย ประกอบด้วยเขตทั่วไป เข้ารับการสัมภาษณ์จำนวน 1,166 ราย 21 กลุ่มวิชา ซึ่งการสอบครั้งนี้ สอศ.ใช้บุคลากรสำหรับสอบสัมภาษณ์ จำนวน 76 ชุด ๆ ละ 3 คน
เลขาธิการกอศ. กล่าวว่า สำหรับการประกาศผลสอบ จะประกาศภายในวันที่ 21 กรกฎาคม 2560 โดยจะบรรจุแต่งตั้งผู้ได้รับการคัดเลือกทั้งหมดในวันที่ 15 สิงหาคม 2560 ซึ่งจะสามารถบรรจุและแต่งตั้งครูผู้ช่วยได้ทั้งสิ้นจำนวน 568 อัตรา และการประกาศผลการคัดเลือกและบรรจุแต่งตั้ง ทั้งในเขตทั่วไปและในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้จะประกาศผลการคัดเลือกเท่ากับอัตราตำแหน่งว่างที่ประกาศรับสมัครในแต่ละกลุ่มวิชาโดยไม่มีการขึ้นบัญชีและหากขอย้ายไปดำรงตำแหน่งนอกเขตพัฒนาพิเศษฯ จะต้องมีระยะเวลาการปฏิบัติหน้าที่อยู่ในหน่วยงานการศึกษาที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งไม่น้อยกว่า 3 ปี สำหรับเขตทั่วไปจะต้องมีระยะเวลาการปฏิบัติหน้าที่อยู่ในหน่วยงานการศึกษาที่ได้รับการบรรจุแต่งตั้งไม่น้อยกว่า 4 ปี
