เหตุปัจจัยอะไรทำให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยืนกระต่ายขาเดียวในการสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ไม่เพียงหลัง“รัฐประหาร”เมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
เห็นได้จากการออกโรงเตือนเกษตรกรชาวสวนยางไม่ให้เคลื่อนไหวแสดงความไม่พอใจต่อราคาที่ตกต่ำด้วยเหตุผล
“รัฐบาลเป็นพวกเรา”
หากแม้กระทั่งเมื่อ “รัฐธรรมนูญ”ประกาศและบังคับใช้นับแต่วันที่ 6 เมษายน 2560 เป็นต้นมา ก็ยืนยันในการสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปอีก 4-5 ปี
ในระยะแห่ง“การเปลี่ยนผ่าน” เพื่อเดินหน้าในเรื่อง “ปฏิรูปการเมือง”
ก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ฝากความเชื่อมั่นไว้กับ”มวลมหาประชาชน”
แต่หลัง “รัฐประหาร” ฝากความเชื่อมั่นไว้กับ “คสช.”
และหลังประกาศและบังคับใช้ “รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560″นอกจาก “คสช.”แล้ว นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ฝากความเชื่อมั่นไว้กับ “พรรคประชาธิปัตย์”
อยากให้ “พรรคประชาธิปัตย์” กับ “คสช.”จับมือกันเพื่อทำความฝันให้เป็นจริง
นั่นก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี
ยุทธวิธีนี้เหมือนกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะมองข้ามบท บาทและความหมายของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
มิใช่หรอก
ในวาระวันเกิดปีที่ 65 จะเห็นได้ถึงสายสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่าง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
2 คนนี้ตัดกันไม่ได้ ขายกันไม่ขาด
หากย้อนไปยังการขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อเดือนธันวาคม 2551 ก็จะเข้าใจในกลยุทธ์
หลังเลือกตั้งเดือนธันวาคม 2550 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่มิได้เป็นการยอมรับอย่างยอมจำนน ตรงกันข้าม มีการต่อสายไปยัง”บางคน”ในพรรคพลังประชาชน
เมื่อสถานการณ์สุกงอมผ่านการยุบพรรคพลังประชาชนในเดือนพฤศจิกายน 2550 ทุกอย่างก็ปรากฏผล
การเล่นบทรอของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงสำคัญ
