ครูต้อยรอความหวัง 15 ก.ค.นี้รู้กันว่าผลจะออกมาอย่างไร
จากกรณีที่ นางสุรณี กัลยารัตนกุล หรือครูต้อย อายุ 64 ปี อดีตครูเกษียณราชการ และอดีตเลขาส่วนตัวของผู้อำนวยการโรงเรียนดังในตัวเมืองลำปาง ที่ออกมาให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนใน จ.ลำปาง ว่า ผู้อำนวยการคนดังกล่าวได้นำเงินรายได้ของทางโรงเรียนมาใช้ส่วนตัวโดยไม่ผ่านระบบ ทั้งเงินรายรับรายปี รวมถึงเงินที่ไปกู้หนี้ยืมสินมา ทำให้เงินต่างๆ ที่เข้ามาใช้หมุนเวียนผ่านมือผู้อำนวยการคนดังกล่าวมากกว่า 42 ล้านบาท และยังมีหนี้บางส่วน จำนวน 10 ล้านบาท ที่ นางสุรณี ไปกู้ยืมเงินมาให้ และต้องแบกภาระรับผิดชอบแทน ซึ่งถูกเจ้าหนี้ติดตามทวงถามมาโดยตลอด โดยที่ผู้อำนวยการคนดังกล่าว ไม่ยอมที่จะเหลียวแลช่วยแก้ไขปัญหา กลับยัดหนี้ดังกล่าวให้กับตนเองต้องแบกภาวะมาจนถึงทุกวันนี้ ทำให้ นางสุรณี ต้องออกมาแฉกับสื่อมวลชนใน จ.ลำปาง เพื่อให้สังคมรับรู้ และขอเรียกร้องความเป็นธรรม เพราะผู้อำนวยการคนดังกล่าวกำลังใกล้ที่จะเกษียณอายุราชการในอีกไม่กี่เดือนนี้
สำหรับความคืบหน้าในเรื่องนี้ ทราบว่า นางสุรนี ผู้ออกมาร้องเรียนได้ตั้งใจรอให้ถึงช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2560 นี้ หรือวันที่ 15 กรกฎาคม 2560 นี้ เพื่อรอฟังคำตอบจากทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง (สพป.) เขต 1 ที่กำลังดำเนินงานสืบข้อเท็จจริงต่อเรื่องที่เกิดขึ้น หลังตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงขึ้นมา และทำการเรียกให้ตนเอง และผู้เสียหายที่เป็นทั้งลูกหนี้ และเจ้าหนี้ เข้าไปให้ข้อมูลเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง (สพป.) เขต 1 ระบุว่า จะต้องใช้ระยะเวลาในการสืบ และรวบรวมข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จก่อนกลางเดือนกรกฏาคม 2560 นี้
“ตนเองจึงรออย่างมีความหวัง เพื่อรอฟังผลของการสืบข้อเท็จจริงว่าจะเป็นอย่างไร จะยุติลง หรือจะดำเนินงานต่อในขั้นตอนของการสอบสวนวินัยต่อไป ฉะนั้นในช่วงระยะนี้จึงต้องรอไปก่อน สำหรับในส่วนกรณีที่ตนเองได้รับการประสานจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน สำนักตรวจสอบพิเศษภาค 9 ลำปาง ตั้งอยู่ใน ต.ศาลา อ.เกาะคา จ.ลำปาง ที่เรียกให้ตนเองนำเอกสารหลักฐานเข้าไปมอบให้ และทำการสอบสวนข้อเท็จจริงไปเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2560 ที่ผ่านมา ก็ต้องให้เป็นอำนาจ และขั้นตอนของเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินดำเนินการไป ซึ่งตนเองก็ถือว่าได้มอบหลักฐาน พร้อมเซนต์ลายมือชื่อลงในเอกสารสำเนาที่มอบให้ทุกใบ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ใช้เป็นหลักฐาน และการตรวจสอบตามลำดับต่อไป”
แหล่งข่าวในโรงเรียนดังลำปาง ที่ผู้อำนวยการคนดังกล่าวปฎิบัติหน้าที่อยู่ แจ้งว่า ขณะนี้ผู้อำนวยการที่ตกเป็นข่าวถูกแฉดังกล่าวได้มีการเข้มงวดการทำงานของสำนักงานเลขาผู้อำนวยการโรงเรียน ซึ่งเป็นที่ทำงานที่ นางสุรนี เคยทำอยู่ในอดีต ซึ่งขณะนี้มีการทำงานเข้มงวด และรัดกุมมาก โดยได้ลดจำนวนเจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานจาก 4 คน เหลือ 2 คน แล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่ยังคงปฎิบัติงานให้ทางผู้อำนวยการคนดังกล่าวอยู่ ยังต้องพิจารณาบุคคลที่จะขอเข้าพบผู้อำนวยการด้วย โดยเฉพาะสื่อมวลชน ที่พยายามติดต่อขอสัมภาษณ์ เพื่อให้ผู้อำนวยการออกมาชี้แจง ถึงแม้จะโทรศัพท์เข้าไปยังสำนักงานเลขาผู้อำนวยการ เพื่อแจ้งความประสงค์ ในการขอเข้าพูดคุย แต่ก็ไม่สามารถที่จะเข้าถึงได้ ทางเจ้าหน้าที่จะปฎิเสธการขอเข้าพบ หรือให้สัมภาษณ์ในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากทางผู้อำนวยการคนดังกล่าวได้สั่งการไว้ว่าไม่ขอตอบต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้
