เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะ ผอ.กองกำลังรักษาความสงบ (กกล.รส.ทภ.4) นายอวยชัย อินทร์นาค ผวจ.สุราษฎร์ธานี นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ เดินทางลงพื้นที่เปิดยุทธการทวงคืนผืนป่าจากกลุ่มนายทุนบุกรุกพื้นที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี
ได้ตรวจเยี่ยมการจัดระเบียบชายหาดและแก้ไขปัญหาความขัดแย้งของกลุ่มชาวบ้านและผู้ค้าขายรุกล้ำพื้นที่ชายหาด โดยมี พล.ต.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะรอง ผอ.กกล.รส.ทภ.4 เป็นผู้รายงานผลการปฏิบัติตามแนวทางนโยบายที่ผ่านมา รวมทั้งแจงแผนการปฏิบัติและดำเนินการในห้วงระยะที่ 2 เน้นหลักนำกฎหมายมาบังคับใช้ขอคืนพื้นที่ป่าสงวนถูกบุกรุกและพื้นที่ชายหาดตามเกาะแก่งต่างๆ
นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า ได้รับการร้องขอให้เข้ามาช่วยเหลือและจากคำสั่งเน้นย้ำจากรัฐบาล ให้แก้ไขปัญหาการจัดระเบียบสังคมในพื้นที่เกาะแก่ง โดยเฉพาะเกาะสมุยมีปัญหาการบุกรุกของกลุ่มอิทธิพล กลุ่มนายจนน่าเป็นห่วง เกาะสมุยมีพื้นที่ประกาศเป็นเขตป่าสงวนฯ รวม 6,000 กว่าไร่ การตรวจสอบขั้นต้นได้ประสานวางแผนความร่วมมือกับกรมที่ดิน ตรวจสอบว่าพื้นที่ใดใช้ทำกินต้องยื่นหลักฐานแสดงตรวจพิสูจน์ได้
“ต้องขอขอบคุณกองทัพภาคที่4 ผู้ว่าฯ รวมถึงอัยการจังหวัดทำให้สามารถดำเนินการภายใต้เงื่อนไขของการบูรณาการ ไม่ว่าจะเป็นทางทหาร ผู้ว่าฯ อัยการ ต่างร่วมมือร่วมใจกันออกมาแสดงตนให้สังคมได้รับรู้ได้เห็นภาพการทำงานร่วมกันอย่างเป็นปึกแผ่น เชื่อได้ว่าการดำเนินการตามแผนและนโยบายของ คสช.และรัฐบาลตามที่วางไว้”
พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า การปฏิบัติภารกิจทวงคืนผืนดินที่ถูกรุกล้ำ ไม่ว่าจะมาจากกลุ่มนายทุน หรือผู้มีอิทธิพลมากขนาดไหน ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเหมือนกัน ผลการปฏิบัติห้วงแรกถือหน้าพอใจ สามารถเอาผิดกับกลุ่มนายทุน กลุ่มผู้มีอิทธิพลที่ไม่เกลงกลัวกฎหมาย ได้ส่งเรื่องรายงานดำเนินคดีตามกฎหมาย คดีบางรายเสร็จสิ้นไปแล้ว มีบางส่วนอยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบ เน้นย้ำการปฏิบัติต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
“ยังเน้นย้ำให้ พล.ต.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 เพิ่มเรื่องของการปัดกวาดและเอาผิดในส่วนที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้ละเลยและกระทำผิดให้สะอาดเรียบร้อยก่อนไล่จับคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายทหาร ตำรวจ ปกครอง ที่ดิน ป่าไม้ หรือหน่วยใดก็ตาม หากพบหรือมีรายงานร้องเรียนว่าเอาเปรียบข่มขู่ประชาชน หรือแม้แต่การแอบอ้างว่ารู้จักมักคุ้นกับแม่ทัพฯ หรือชุดปฏิบัติที่ลงมาทำงานตรงนี้ ยืนยันว่าไม่มีการเลือกปฏิบัติ จะดำเนินการอย่างถึงที่สุด หากพบหรือมีแจ้งข้อมูลเรียกรับผลประโยชน์ใต้โต๊ะว่าสามารถช่วยเหลือวิ่งเต้นได้ เพราะนโยบายผู้บังคับบัญชาสั่งการให้ทำการปราบปรามลงโทษให้ถึงที่สุด ที่สำคัญแผ่นดินไทย คนไทยต้องไปได้ในทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นชายหาดหรือในทะเล โดยเฉพาะในบางเกาะที่ไม่สมควรจะเรียกเก็บเงินค่าเที่ยวชมเกาะ นี่คือแผนดินไทยทุกคนไปได้หมด”
แม่ทัพภาคที่ 4 ยังกล่าวผลการปฏิบัติยังขยายตรวจตราในเรื่องทรัพยากรในท้องทะเล ได้ทำการจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายด้วยการฉีดไซยาไนด์ลงในทะเลแล้วใช้อวนล้อมจับสัตว์น้ำ วันนี้ได้สั่งการให้ทำลายอวนและปล่อยสัตย์น้ำที่ถูกจับแบบผิดกฎหมายทั้งหมดสู่ท้องทะเล ส่วนผู้กระทำความผิดให้ดำเนินคดีถึงที่สุด จึงอยากส่งสารไปถึงผู้ที่คิด หรือกำลังกระทำผิด อยากเตือนว่าถึงเวลาแล้วที่จะขอให้หยุด จำเป็นที่จะต้องทวงคืนผืนแผ่นดินไทยไม่ว่าจะเป็นบนเขา หรือในน้ำให้กลับคืนมาสู่แผนดินไทยทั้งหมด พล.ท.ปิยวัฒน์ กล่าว