“บิ๊กฉัตร”แจงสถานการณ์ยาง-ระบุไม่ควรดึงมาเป็นเรื่องการเมือง

พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการมอบนโยบายในการประชุมซักซ้อม ทบทวนแนวทางการปฏิบัติตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถึงสถานการณ์ยางพาราว่า ราคายางพาราในวันนี้ไม่ได้เลวร้ายมากนัก แต่เกษตรกรอาจจะรู้สึกว่าราคายางพาราควรจะดีกว่านี้ ซึ่งหากมองย้อนไปปีที่แล้วราคาจะแตกต่างกัน ทิศทางข้างหน้ายังเชื่อมั่นตามที่สำนักเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ได้คาดการณ์ว่าปริมาณการใช้ยางในตลาดโลกจะมีมากขึ้น เพียงแต่วันนี้ต้องอดทนกันอีกนิด เพราะรัฐบาลก็พยายามแก้ปัญหาเรื่องนี้ในทุกๆ ด้าน เช่น การส่งเสริมการใช้ยางในประเทศผ่านโครงการจัดซื้อจัดจ้าง ขณะเดียวกันต้องเข้าใจว่ายางพารามีการซื้อขายล่วงหน้า อย่างตลาดจีนและสิงคโปร์ก็มีการซื้อขายล่วงหน้าเป็นกระดาษทั้งหมด ผลกระทบตรงนี้รัฐบาลพยายามแก้ไข ตามที่ได้มอบหมายให้ผู้ว่าการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ไปพูดคุยกับทางรัฐมนตรีเกษตรของมาเลเซียและอินโดนีเซียแล้ว โดยจะมีการประชุมกันในเดือนกันยายนนี้ที่กรุงเทพฯ เพื่อหารือร่วมกันทั้ง 3 ประเทศ ว่าจะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ในระยะยาวได้อย่างไรบ้าง

“การแก้ไขปัญหาราคายางพาราจะต้องฟังความเห็นทุกๆ ด้าน ซึ่งมองว่าหากลดเรื่องการเมืองลงได้ก็น่าจะดี ปัญหาที่แท้จริงก็จะแก้ไขได้ง่ายขึ้น การทำงานก็จะง่ายขึ้นมาก โดยทางรัฐบาลเองก็อยากเห็นราคาที่ดีกว่านี้อยู่แล้ว พยายามผลักดันนโยบายต่างๆ เพื่อแก้ปัญหา เช่น ปัญหาของหลายหน่วยงานราชการที่อยากจะใช้ยางพารา แต่ยังไม่สามารถจัดซื้อจัดจ้างได้ ก็พยายามจะรวบรวมปัญหาเรื่องนี้ โดยอาจจะเสนอเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะใช้งบประมาณเพิ่มเติมเพื่อให้ทันในปี 2560 นี้เลย โดยอาจจะเสนอต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นรายเคสไป” พล.อ.ฉัตรชัยกล่าว

พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า การจัดซื้อจัดจ้าง ยังมีปริมาณยางที่ยังรอบรับได้ จึงยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีมาตรา 44 มาแก้ปัญหา ทั้งนี้ในส่วนการส่งเสริมการใช้ยางในประเทศที่มอบหมายให้กยท.ไปคุยกับสมาคมถุงมือยาง คาดว่าจะได้ความชัดเจนภายในสัปดาห์หน้านี้

นายธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการ กยท. เปิดเผยว่า ราคายางพาราในวันนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศตอบรับการดำเนินการของรัฐบาลค่อนข้างดี ราคายางพารามีแนวโน้มดีขึ้น ตลาดโตคอมปิดที่บวก ตลาดในประเทศเองก็สถานการณ์ดีขึ้น อย่างเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา ราคายางแผ่นดิบรมควันของตลาดกลางอยู่ที่ 53.50 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) วันนี้ (12 กรกฎาคม) ราคาสูงสุดของตลาดกลางปรับขึ้นเป็น 54 บาทต่อกก. โดยเชื่อว่าเป็นความเชื่อมั่นในตลาดด้วย ซึ่งมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลดำเนินการอาจจะไม่ได้เห็นผลภายในระยะเวลา 3-7 วัน แต่เป็นการสร้างพื้นฐานและโครงสร้างที่แข็งแรง ที่จะพยุงราคาและสร้างเสถียรภาพให้เข้าสู่กรอบราคาที่เหมาะสม และมีราคาสูงกว่าปีที่แล้ว

Advertisement

“ถ้าวิเคราะห์ตามตัวเลขเชิงวิชาการและอ้างอิงจากต้นทุนการปลูก ต้นทุนของยางพาราจะอยู่ที่ประมาณ 53 บาทต่อกก. บวกกำไรตามปกติประมาณ 20% ก็จะอยู่ที่ประมาณ 60 บาทต่อกก. เพราฉะนั้นวันนี้ราคาอยู่ที่ 54 บาทต่อกก.ก็น่าจะที่จะผลักดันให้มีราคาอย่างน้อย 60 บาทต่อกก.เพื่อให้เกษตรกรมีกำไรและอยู่ได้” นายธีธัชกล่าว

นายธีธัชกล่าวว่า ส่วนประเด็นว่าไทยจะตัดราคาขาย ทำให้ราคายางพาราอีก 2 ประเทศต่ำลงไปด้วยนั้น ที่ประชุมยังไม่ได้พูดถึงและยังไม่ได้รับรายงานในเรื่องนี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image