ความเคลื่อนไหวทัพนักเตะทีมชาติไทย ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ซึ่งเตรียมทีมลงสู้ศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย ยู-23 รอบคัดเลือก ที่ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 19-23 กรกฎาคม และป้องกันแชมป์ซีเกมส์ ครั้งที่ 29 ที่ประเทศมาเลเซีย ในระหว่างวันที่ 19-30 สิงหาคมนี้นั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม “โค้ชโย่ง” นายวรวุธ ศรีมะฆะ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยชุดยู-23 ได้นำลูกทีมลงฝึกซ้อม 2 รอบในช่วงเช้าและบ่าย ที่แคมป์เก็บตัว บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เทรนนิ่ง อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ก่อนที่ในช่วงเย็นจะนำลูกทีมเดินทางไปเชียร์ทัพ “ช้างศึก” ทีมชาติไทยชุดใหญ่ ที่ลงแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาร “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 45 ที่ราชมังคลากีฬาสถาน
โค้ชโย่ง กล่าวว่า จากการอุ่นเครื่องเสมอกับบียู เดฟโฟ่ ที่ผ่านมานั้น เห็นได้ว่าทีมมีปัญหาเกมรับที่ยังไม่แน่นอนในการเข้าตัดบอลจากคู่ต่อสู้ จนทำให้เกิดการเสียประตูแบบไม่ควรเสีย จึงต้องกลับมาเน้นให้หนักขึ้น รวมไถึงการกดดันคู่แข่งตอนได้บอลที่หน้าประตู ยังเพรสซิ่งกันได้ไม่ได้ จนทำให้คู่ต่อสู้ขึ้นบอลได้ง่าย
“ตอนนี้พยายามสอนให้ทุกคนเข้าใจระบบที่ต้องเล่น และย้ำชัดว่าหลังจากนี้ต้องทำให้ดี เพราะใกล้เข้าสู่ทัวร์นาเมนต์จริงแล้ว จะพลาดแบบนี้ไม่ได้อีก” กุนซือช้างศึกยู-23 กล่าว
ขณะที่การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 29 ซึ่งได้มีการจับสลากแบ่งสายการแข่งขัน โดยไทยในฐานะแชมป์เก่าอยู่ในกลุ่มบี ร่วมกับ อินโดนีเซีย, เวียดนาม, กัมพูชา, ฟิลิปปินส์ และติมอร์เลสเต นั้น
โค้ชโย่ง กล่าวว่า เวียดนามกับอินโดนีเซีย เป็นทีมที่เล่นเกมรุกได้รวดเร็ว ในขณะที่กัมพูชานั้น ตัวดาวรุ่งขึ้นมาหลายคนและเป็นทีมที่น่ากลัว ในขณะที่ฟิลิปปินส์กับติมอร์เลสเต เท่าที่ได้ข้อมูลมาเป็นทีมที่มีตัวลูกครึ่งค่อนข้างมาก แม้อาจจะไม่ชัดเจนในเรื่องฝีเท้า แต่การเล่นกับลูกครึ่งซึ่งมีรูปร่างใหญ่นั้นจำเป็นต้องใช้พละกำลังมากเช่นกัน
“ทุกทีมในอาเซียนเวลาเจอกับไทย มักจะมีความมุ่งมั่นเป็นพิเศษ ซึ่งไทยก็รู้ในจุดนี้ดี และต้องมีวิธีการรับมือ กับการลงเล่นถึง 7 เกมในช่วงเวลา 10 กว่าวันเท่านั้น ดังนั้นในบางครั้งเราอาจจะไม่ได้เห็นเกมที่สวยงามตลอดเวลา เกมไหนปิดเกมได้ก็ต้องปิด” โค้ชโย่งกล่าว
อดีตกองหน้าร่างยักษ์ทีมชาติไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ต้องยอมรับว่าตัวผู้เล่นของไทยครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อนที่ป้องกันแชมป์ได้แบบชนะรวด และเสียเพียงประตูเดียวเท่านั้น เพราะครั้งนั้นตัวผู้เล่นของไทยถือว่าเหนือกว่าทุกชาติมาก แต่ครั้งนี้ตัวผู้เล่นไม่ได้ขี่กันเท่าไหร่นัก ซึ่งเชื่อว่าต้องวัดกันที่ตัวสำรองด้วย และนักเตะไทยทั้ง 20 คนที่ได้รับคัดเลือกไป จะต้องสามารถลงสนามได้ทุกคน
