เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีที่คณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง ของป.ย.ป.จัดเวทีสาธารณะ เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทั่วประเทศอีกครั้ง ระหว่างวันที่ 17–20 กรกฎาคม เพื่อนำความมาจัดทำสัญญาประชาคมซึ่งต้องเขียนแนวทางปฎิบัติเอาไว้ด้วยว่า ต้องดูว่าเนื้อหาเป็นอย่างไร และเงื่อนไขเกี่ยวกับแนวปฏิบัติที่พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พูดถึงนั้นมีเนื้อหาอย่างไร เท่าที่ดูจากกระบวนการที่เปิดรับฟังความเห็นมาตั้งแต่ต้นยังมีจุดอ่อนและข้อบกพร่องมาก เพราะผู้รู้และผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องความขัดแย้งและการปรองดอง ไม่ได้มีส่วนร่วมหรือได้หารือกันอย่างเท่าเทียมและไม่มีองค์กรหรือกรรมการอิสระ ใดที่จะมาวิเคราะห์ข้อมูลและความเห็นต่างๆที่มีอยู่ เพื่อนำไปสู่ข้อเสนอต่อกรรมการ จึงคิดว่าสัญญาประชาคมที่จะร่างขึ้นมานั้นไม่น่าจะนำไปสู่การแก้ปัญหาความขัดแย้งได้ การไปลงนามในสัญญาประชาคม ของพรรคการเมืองนักการเมือง หรือผู้ที่เคลื่อนไหวทางการเมือง จึงไม่มีประโยชน์อะไร
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่มีการพูดถึงต้นเหตุความขัดแย้งในอดีต รวมทั้งพูดถึงสิ่งที่คณะกรรมการต่างๆเคยตั้งและศึกษาเอาไว้ก่อน เช่น เรื่องกระบวนการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ที่สำคัญคือไม่มีการพูดถึงบทบาทของกองทัพและกลไกของรัฐที่ไม่ร่วมมือกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและมาสร้างเงื่อนไขให้เกิดความขัดแย้งเพื่อให้ตัวเองเข้ามาเป็นอัศวินม้าขาว สิ่งเหล่านี้ไม่เคยมีการพูดคุยในกระบวนการสร้างความปรองดองฉะนั้นจึงไม่มีหลักประกันอะไรว่าปัญหาในอดีตจะไม่เกิดขึ้นอีกดังนั้นสัญญาประชาคมที่จะร่างขึ้นมาคงไม่ครอบคลุมปัญหาสำคัญเหล่านี้ ในเมื่อไม่ครอบคลุมแล้วไปเรียกคนมาลงนาม เมื่อมีการลงนามแล้วจึงมา บอกกับสังคมทั่วไปว่ามีคนลงนามแล้วและจะนำไปสู่การแก้ปัญหาความขัดแย้งได้ ถ้าเช่นนั้นจะกลายเป็นว่าไม่พูดความจริงกับประชาชน
