ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลา 12.00 น.นางกิ่งกาญจน์ สมิตามร เกียว ประธานสภาวัฒนธรรมไทยในประเทศสหรัฐอเมริกาแห่งเมืองฟรีมอนด์ องค์กรเอกชนที่ดำเนินงานด้านวัฒนธรรม ภายใต้การกำกับดูแลของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้นำคณะนักเรียนและผู้ปกครองจากโรงเรียนพุทธานุสรณ์วันอาทิตย์ วัดพุทธานุสรณ์ เมืองฟรีมอนด์ และคณะกรรมการกลุ่มเลกัสซี่ ออฟ เดอะ ไนน์ จำนวน 89 คน เข้าถวายสักกาะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และวางพวงมาลา ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
นางกิ่งกาญจน์ เปิดเผยความรู้สึกภายหลังเข้าถวายสักการะพระบรมศพว่า ช่วงนี้ปิดเทอมจึงพาเด็กๆ มาเผยแพร่การแสดงศิลปวัฒนธรรม ในโครงการ “วัฒนธรรมไทยคืนถิ่น” ซึ่งร่วมกับคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดงานทุกสองปี ในปีนี้จะแสดงต่อหน้าพระพักตร์พระเจ้าวรวงศ์ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา ในวันที่ 21 กรกฎาคมนี้ จึงถือโอกาสพานักเรียนมาถวายสักการะพระบรมศพ ซึ่งคงไม่ใช้โอกาสที่จะมาได้ง่ายดาย
“วันที่ทราบข่าวการสูญเสีย รู้สึกเศร้าใจมาก พวกเราอยู่ไกลแต่ใจเราอยู่ใกล้พระองค์ จริงๆ แล้วในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เคยเสด็จฯ ที่ซานฟานซิสโกนานมาแล้ว ทรงกำชับให้ปลูกฝังเด็กไทยในต่างแดนให้รักแผ่นดินเกิด ไม่ให้ลืมวัฒนธรรมไทย ไม่ให้ลืมบุญคุณแผ่นเดินที่ให้เราอยู่อาศัย อย่าทำให้เสียชื่อคนไทย ซึ่งอาศัยแผ่นดินคนอื่นอยู่” นางกิ่งกาญจน์กล่าวทั้งน้ำตา
ด้าน นายทวิทย์ ปิณฑะแพทย์ ประธานโรงเรียนพุทธานุสรณ์วันอาทิตย์ กล่าวว่า โรงเรียนได้เน้นแนวการสอนให้เด็กรักวัฒนธรรมไทย ได้แก่ ภาษาไทย ดนตรีไทย และนาฏศิลป์ไทย หลังจากในหลวงรัชกาลที่ 9 สวรรคต พระราชธรรมวิเทศ เจ้าอาวาสวัดพุทธานุสรณ์ จัดสวดมนต์ถวายเป็นพระราชกุศลทุกวันอาทิตย์ โดยเด็กๆ จะขึ้นโบสถ์ร่วมสวดมนต์ด้วย ขณะที่กลุ่มเลกัสซี่ ออฟ เดอะ ไนน์ มักจัดงานทุกวันที่ 5 ธันวาคมทุกปี แต่ปีที่ผ่านมาพระองค์เสด็จสวรรคตก่อนจึงเปลี่ยนรูปแบบงาน มาจุดเทียนถวายความอาลัยที่ซิตี้ ฮอลล์ รวมคนไทยในต่างแดนได้เกือบ 1,500 คน เป็นต้น
ด.ญ.แอริณ สหเกียรติ ลูกครึ่งไทย-ไอริช วัย 10 ขวบ กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่มีโอกาสมากราบสักการะพระบรมศพ ตัวเองรู้จักในหลวงรัชกาลที่ 9 ว่าพระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ ทรงมีบุญญาธิการมาก เพราะมีช้างเผือกในสมัยรัชกาลพระองค์ถึง 29 ช้าง
ด.ญ.เคทลิณฑ์ ชนกาน เชาว์ ซึ่งเดินทางมาพร้อมกับมารดา คือ นางอัจริยา ทวีวิชัย กล่าวว่าในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงชอบช่วยเหลือประชาชนที่ยากจนให้มีอาหารกิน มีอาชีพ เช่น ช่วยให้ชาวเขาปลูกพืชผักผลไม้ และเลิกปลูกฝิ่น และมีโครงการในพระราชดำริ ไปช่วยเหลือประชาชน เช่น โครงการฝนหลวง ที่ช่วยทำให้ฝนตก และมีกังหันน้ำชัยพัฒนา ช่วยทำให้น้ำที่เน่าเสียกลายเป็นน้ำที่ใช้ประโยชน์ได้
“รู้จักในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านทรงใช้ของอย่างประหยัด เช่น การใช้ยาสีฟัน การใช้ดินสอจนหมด และยังสอนให้รู้จักใช้จ่ายเงินอย่างประหยัด และหนูก็อ่านหนังสือเรื่องคุณทองแดง สุนัขทรงเลี้ยง และเรื่องพระมหาชนก ที่สอนให้รู้จักความมีมานะอดทน หนูชอบภาษาไทย และรักประเทศไทยอยากกลับมาอยูประเทศไทยเพราะมีเพื่อนมาก” ด.ญ.เคทลิณฑ์ กล่าว
