สสส.-สคอ.สานพลังเครือข่ายจังหวัดอุดรธานี ชูพื้นที่ต้นแบบจัดการความเร็ว

สสส.-สคอ.สานพลังเครือข่ายจังหวัดอุดรธานี ชูพื้นที่ต้นแบบจัดการความเร็ว “ตำบลคำบง”อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมความเร็ว ถนนในหมู่บ้านไม่เกิน 40 กม. ระหว่างหมู่บ้าน ไม่กิน 60 กม. /ชม. พร้อมจัดนักพิทักษ์กฎคอยสอดส่องดูแลผู้กระทำผิดพบผู้ฝ่าฝืนมีบทโทษ ลดจำนวนผู้บาดเจ็บ-เสียชีวิตลงได้อย่างชัดเจน

(วันที่ 18 ก.ค.60) ณ โรงแรมเจริญโฮเต็ล จ.อุดรธานี – สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ(สคอ.) ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดประชุม“สานพลังเครือข่ายขับเคลื่อนรณรงค์สื่อสารประชาสัมพันธ์” เพื่อการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน เขต 7, เขต 8 จ.อุดรธานี โดยมีภาคีเครือข่ายและสื่อมวลชนส่วนภูมิภาค ได้แก่ สมาคมนักหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย สมาคมสื่อช่อสะอาด สมาคมเคบิลทีวีแห่งประทศไทย บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด จาก 11จังหวัดในเขต7 และ 8 ได้แก่ จังหวัดขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ อุดรธานี หนองคาย หนองบัวลำภู เลย บึงกาฬ นครพนม และสกลนคร ร่วมประชุมกว่า 70 คน เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ถอดบทเรียนการดำเนินงานสื่อสารประชาสัมพันธ์ป้องกันและลดอุบัติ เหตุทางถนนในพื้นที่ และลงพื้นที่เรียนรู้ตำบลต้นแบบป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ณ สำนักงานเทศบาลตำบลคำบง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี

นายพรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ ( สคอ.) กล่าวว่า จากการที่รัฐบาลได้มอบหมาย และสั่งการให้ทุกตำบล ทุกหมู่บ้านในประเทศไทย มีการดำเนินงานและผลักดันมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนน มีหลายประเด็นที่ต้องดำเนินการแก้ไข ทั้ง รถ คน ถนน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขับขี่ที่ไม่ปลอดภัย การใช้ความเร็วเกินกำหนด ยังเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ โดยขณะนี้ทุกพื้นที่ได้พยายามขับเคลื่อนและออกแบบการทำงานให้เหมาะสมกับพื้นที่ตนเอง ทั้งนี้ การสื่อสารประชาสัมพันธ์ต้องอาศัยคนกลางหรือจุดเชื่อมประสานเพื่อรวบรวมข้อมูลและส่งต่อข้อมูลไปยังพื้นที่ เนื่องจากสถานการณ์การขับขี่ของแต่ละจังหวัดจะเป็นไปตามบริบทของแต่ละพื้นที่ ไม่สามารถใช้เฉพาะข้อมูลจากส่วนกลางนำไปปฏิบัติได้ทั้งหมด ดังนั้นการสร้างการรับรู้และความตระหนักแก่ผู้ใช้รถใช้ถนนต้องทำให้มากขึ้น จนสามารถนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้ในที่สุด จึงขอความร่วมมือสื่อมวลชนและผู้ที่ทำหน้าที่ให้ข้อมูลด้านเสียงตามสายและหอกระจายข่าว มุ่งดำเนินการไปทิศทางเดียวกัน คือ มุ่งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับขี่ที่ไม่ปลอดภัย โดยเฉพาะประเด็นการ “ขับรถเร็ว”ที่เป็นสาเหตุอันดับต้นของการเสียชีวิตบนถนน

นายธวัชชัย ทองทิพย์ นายกเทศมนตรีตำบลคำบง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี กล่าวว่า ตำบลคำบง ปัจจุบันมีประชากรทั้งสิ้น 7,053 คน แยกเป็น ชาย 3,506 คน หญิง 3,547 คน มีจำนวนครัวเรือน 2,158 ครัวเรือน มี 10 หมู่บ้าน จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุ ปีงบประมาณ 2557 – 2559 พบว่า ในปีงบประมาณ 2558 มีการเกิดเหตุ และบาดเจ็บมากที่สุด มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ในปีงบประมาณ 2559 มีการเกิดเหตุ และบาดเจ็บลดลงจาก 2 ปี ที่ผ่านมา แต่กลับมีผู้เสียชีวิต มากที่สุด จำนวน 7 ราย และในปีงบประมาณ 2560 มีจำนวนการเกิดเหตุ บาดเจ็บ และเสียชีวิต มีแนวโน้มลดลง โดยมีจุดเสี่ยง คือ มีทางแยก ทางโค้ง ถนนระหว่างหมู่บ้าน รวมไปถึงรถบรรทุกอ้อยสูงเกินที่กำหนด นอกจากนี้พฤติกรรมเสี่ยง คือ การขับรถเร็ว เมาแล้วขับ และไม่สวมหมวกกันน็อค จึงได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเน้นใช้ 3 มาตรการหลัก คือ 1.มาตรการองค์กรเพื่อความปลอดภัยทางถนน โดยให้บุคลากรทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎจราจร กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อความปลอดภัยในชีวิต และมีบทลงโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืน ได้กำหนดให้พื้นที่ทั้งหมดของหน่วยงานเป็นพื้นที่สวมหมวกนิรภัย และคาดเข็มขัดนิรภัย 100 % พร้อมทั้งแจ้งผู้เข้าออกบริเวณหน่วยงานทุกคนต้องสวมหมวกนิรภัยเมื่อใช้รถจักรยานยนต์ และคาดเข็มขัดนิรภัยเมื่อใช้รถยนต์ 2. มาตรการชุมชน จะออกมาตรการและบทลงโทษที่ชัดเจน เช่น ผู้ขับขี่และซ้อนท้ายต้องสวมหมวกกันน็อกทุกครั้ง หากพบฝ่าฝืนจะตักเตือน 3 ครั้ง จากนั้นทำจิตอาสาในชุมชน 1 วัน หรือ ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ก่อนและขณะขับขี่ยานพาหนะทุกชนิด ฝ่าฝืนยึดกุญแจ/ยึดรถ ทำจิตอาสาในชุมชน 1 วัน และส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และไม่ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด (ในหมู่บ้านไม่เกิน 40 กม./ชม.) หากพบฝ่าฝืนจะตักเตือน 1 ครั้ง ทำจิตอาสาในชุชน 1 วัน และส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นต้น ทั้งนี้จะมีผู้พิทักษ์กฎคอยสอดส่องดูแลเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา ได้แก่ ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกสภาเทศบาล อสม. อปพร. ประธานชมรมผู้สูงอายุ และ 3. มาตรการโรงเรียนต้นแบบ เน้นให้บุคลากรทุกคน นักเรียนทุกคน ต้องปฏิบัติตามกฎจราจร เช่น ผู้ขับขี่และซ้อนท้ายต้องสวมหมวกกันน็อกทุกครั้ง หรือ ในโรงเรียนไม่ขับรถเร็วเกิน 20 กม./ชั่วโมง นอกโรงเรียน ไม่เกิน 60กม./ชม. ในโรงเรียนจะมีผู้พิทักษ์กฎ ได้แก่ แกนนำนักเรียน และครูทุกคนในโรงเรียน

Advertisement

นอกจากนี้ด้านการสื่อสารประชาสัมพันธ์และการรณรงค์ ผู้นำชุมชนจะให้ความร่วมมือในการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารมีการประชาสัมพันธ์เสียงตามสาย สถิติการบาดเจ็บ ในตอนเช้าทุกหมู่บ้าน(ในวันจันทร์ของทุกสัปดาห์) ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2560 เป็นต้นมา ประชาสัมพันธ์มาตรการ เจอ ปรับ จับจริง ทุกวันพุธและวันอาทิตย์(ตลาดนัดบ้านเจริญสุข) โดยการตั้งด่านตักเตือน จัดทำป้ายสถิติการเกิดอุบัติเหตุทั้ง 2 รพ.สต. จัดกิจกรรมสร้างกระแส รณรงค์ ถนนสีขาว ปลอดอุบัติเหตุ (Zero Accident) ตำบลต้นแบบความปลอดภัยทางถนน กิจกรรมสร้างกระแส รณรงค์ ประกาศเจตนารมณ์ชาวคำบงไปช้า มาช้า และ นวัตกรรม ล้อ….ลดอุบัติเหตุ(ทางโค้งบ้านดงหมู โค้งร้อยศพ) นวัตกรรม ถังขยะเตือนใจ…..ให้ไปช้ามาช้า เป็นต้น

“สิ่งที่ยากที่สุดคือการที่จะให้ทุกหน่วยงาน ทุกภาคีเครือข่าย มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน มีแนวความคิดเดียวกันแต่สิ่งเหล่านั้นชาวตำบลคำบงสามารถก้าวผ่านและพิสูจน์ให้เห็นว่า สามารถทำได้ เพราะแม้แต่จุดที่คิดว่าจะสามารถทำได้ยากที่สุด จุดเสี่ยงที่สุดคือโค้งร้อยศพ เราสามารถขยายถนนให้เป็น 4 ช่องทางเดินรถได้ และ รถอ้อย บรรทุกไม่เกิน 4 เมตร โดยอาศัยความร่วมมือ การประชาคม ทุกเสียงที่แสดงความคิดเห็นมีคุณค่า นำมาร่วมคิด ทุกคนมีส่วนร่วมในการดำเนินการ วางแผน การประชุมทุกที่ ทุกครั้ง การประชาสัมพันธ์เสียงตามสายในทุกๆวัน จะสอดแทรกเรื่องอุบัติเหตุเข้าไป เพื่อให้ทุกคนตระหนักรู้ สามารถแก้ไขปัญหาจุดเสี่ยงที่ทำให้คนเสียชีวิตมากที่สุดได้ นำนวัตกรรมต่างๆมาใช้ เพื่อให้คนสัญจรไปมาตระหนักคิด ดังนั้นกลวิธีสื่อสารที่สำคัญที่สุดคือความเข้าใจตรงกัน มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ตระหนักรู้ร่วมกัน มีส่วนร่วมที่จะแก้ไข เป็นเจ้าของร่วมกัน ทำให้มีอุบัติเหตุลดลง บาดเจ็บลดลง และตายลดลง มีพฤติกรรมการขับขี่ตามกฎจราจรมากขึ้น สวมหมวกนิรภัยมากขึ้น ขับรถช้าลงได้”นายธวัชัย กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image