“ณัฐวุฒิ”ลั่น นปช.ยังยืนหยัด แม้เจ็บปวดบอบช้ำ ชี้ ความจริงเป็นเรื่องไม่มีอายุความ

เมื่อ 20 ก.ค. 2560 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และแกนนำได้เยี่ยมนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ และเปิดเผยว่า ก่อนถึงวันนี้ ตนกับนายจตุพร ได้สนทนากันเกี่ยวกับคดี และยังไม่รู้สึกวิตกมากนัก เพราะเป็นคดีหมิ่นประมาทโทษไม่ร้ายแรง รวมทั้งศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ ได้ยกฟ้องมาแล้ว จึงเดินทางมาศาลด้วยความไม่วิตกอะไร เมื่อศาลฎีกาพิพากษาแล้ว เราก็เคารพคำวินิจฉัย ส่วนนายจตุพร เข้าไปเรือนจำมีสุขภาพร่างกายและจิตใจเข้มแข็ง พร้อมที่จะยืนหยัดเผชิญกับความจริงในทุกสถานการณ์ และต้องผ่านให้ได้

“พวกเรารู้สึกเห็นใจและใจหาย เมื่อเลือกเดินบนเส้นทางนี้ด้วยตัวเราเอง เมื่อเลือกเดินตากฝน ต้องรู้ว่า เปียกปอนแล้วเหน็บหนาว แต่เราเชื่อว่า สักวันหนึ่ง สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้จะกระจ่างชัดและรับทราบในสังคมว่า การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย มีจุดมุ่งหมายเพียงความเสมอภาคของทุกฝ่าย ไม่ได้มุ่งหมายไปทำลายฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายใด หรืออาฆาตแค้นกันแต่อย่างใด”

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การต่อสู้ย่อมมีความเจ็บปวดและบาดแผลเป็นธรรมดา รวมทั้งอิสรภาพของแกนนำ ไม่ได้ยิ่งใหญ่ไปกว่าอิสรภาพของพี่น้องประชาชนผู้ร่วมอุดมการณ์คนอื่นๆ วันนี้นายจตุพรสิ้นอิสรภาพ ก็เหมือนกับพี่น้องอีกหลายคนที่ต่อสู้ในสถานการณ์ทางการเมือง และยังไม่ได้รับอิสรภาพเช่นเดียวกัน ข้างในเรือนจำมีพรรคพวกเราอยู่หลายคน ฝากให้ดูแลกัน และนายจตุพรได้พบหน้ากันบ้างแล้ว ตนไม่กังวลว่า นายจตุพรจะปรับตัวในเรือนจำอย่างไร เพราะชีวิตพวกเราได้ปรับใจ เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ทุกวัน แต่วันนี้เกิดกับนายจตุพร วันต่อไปอาจเกิดขึ้นกับคนอื่นอีก

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การค้นหาความจริงในเหตุการณ์สลายการชุมนุมในปี 2553 ยังเป็นเรื่องต้องค้นหากันต่อไป สำหรับความจริงเป็นเรื่องไม่มีอายุความที่จะให้ปรากฏในประวัติศาสตร์ และเชื่อว่า ยังไม่มีการพิสูจน์ทราบความจริงใดๆที่จะเป็นเรื่องต้องห้ามเช่นเดียวกัน

Advertisement

นปช.ยืนยันว่าจะเดินในหลักการเดิม เป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์เป็นพระประมุข ส่วนประธาน นปช.ถูกจองจำจะส่งผลกระทบหรือไม่ ยืนยันว่าองค์กร นปช.หล่อเลี้ยงกันด้วยแนวคิด อุดมการณ์ทางการเมืองร่วมกัน แม้ตัวบุคคลเป็นเรื่องสำคัญ แต่หลักการสำคัญยิ่งกว่า เรายังเคลื่อนไปตามหลักการและความจริงที่เป็นอยู่ เหลือกี่คนก็สู้ตามนั้น ถ้าไม่เหลือเลย ก็ขอให้เหลือสิ่งที่พูด ที่ยืนหยัด เชื่อว่า สักวันต้องมีคนเดินต่อ ตลอดเวลา 10 ปีในการต่อสู้นั้น มีความเสมอต้น เสมอปลายอยู่ที่มีคนฝ่ายหนึ่งถูกจองจำ พร้อมคดีความมากมาย ส่วนบางพวกนั้นขอให้ประชาชนพิจารณาจากข้อเท็จจริง ถ้าการสิ้นอิสรภาพของพวกตนทำให้เกิดการปรองดองบนหลักการประชาธิปไตย ก็ไม่ใช่สิ่งต้องเสียใจ แต่หากการปรองดองยังเดินต่อไปไม่ได้ และยังมีสิ่งบ่งชี้ถึงสถานการณ์จะหนักกว่าเก่า สิ่งนี้เป็นเรื่องที่น่าเสียใจ

“ส่วนจิตใจคนเสื้อแดงนั้น ต้องบอกว่า มันช้ำจนชา วันนี้เป็นการบอบช้ำเพิ่มขึ้น เราจะผ่านไปได้ต้องยืนหยัดในสถานการณ์นี้ให้ได้ เพราะเราไม่สามารถปฏิเสธความจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งความเจ็บปวดจะเป็นพลังให้เรายืนหยัดได้”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image