ธนาคารกรุงเทพรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2 ปี 2560 จำนวน 8,047 ล้านบาท

จากเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปและยังคงมีความไม่แน่นอนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ธนาคารจึงยังคงยึดหลักการบริหารฐานะการเงินด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง พร้อมทั้งรักษาสภาพคล่องและเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่สามารถรองรับการขยายธุรกิจในอนาคตและความไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้นเพื่อให้ธนาคารมีเสถียรภาพทางการเงินที่ยั่งยืน

ธนาคารกรุงเทพและบริษัทย่อยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 16,568 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.2 เทียบกับไตรมาส 2 ปี 2559 และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ร้อยละ 2.31 สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมีจำนวน 11,472 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.0 สาเหตุหลักจากกำไรสุทธิจากเงินลงทุนและรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ โดยส่วนใหญ่มาจากค่าธรรมเนียมรับจากการบริการกองทุนรวมและบริการประกันผ่านธนาคาร และค่าธรรมเนียมจากบริการอิเล็กทรอนิกส์และการโอนเงิน สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานมีจำนวน 12,846 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 ทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ร้อยละ 45.8 ส่งผลให้กำไรสุทธิ (ส่วนที่เป็นของธนาคาร) สำหรับไตรมาส 2 ปี 2560 จำนวน 8,047 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.2 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2560 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 1,978,391 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 จาก  สิ้นปี 2559 โดยเพิ่มขึ้นจากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ สำหรับสินเชื่อด้อยคุณภาพคิดเป็นร้อยละ 3.7 ของเงินให้สินเชื่อรวม ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวช้าส่งผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ของภาคธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงติดตามดูแลคุณภาพสินเชื่ออย่างใกล้ชิดและรักษาระดับเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญของธนาคารอยู่ที่ 129,918 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 6.6 ของเงินให้สินเชื่อ

ด้านเงินกองทุน หากนับกำไรสุทธิสำหรับงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2560 รวมเข้าเป็นเงินกองทุนแล้ว อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยจะอยู่ในระดับประมาณร้อยละ 18.9 ร้อยละ 17.1 และร้อยละ 17.1 ตามลำดับ สำหรับส่วนของเจ้าของ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2560 มีจำนวน 384,532 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 12.6 ของสินทรัพย์รวม และมูลค่าตามบัญชีเท่ากับ 201.45 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 2.89 บาท จากสิ้นปี 2559

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image