ทันทีที่คสช.และรัฐบาลตัดสินใจจัดการ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผ่านโครงการจำนำข้าว
”จำนำข้าว” ก็เป็นเรื่อง “การเมือง”
เบื้องต้นเวทีแห่งการต่อสู้คือ ป.ป.ช. ต่อมาก็เป็น สนช. ต่อมาก็เป็นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการ เมือง
การวินิจฉัยโดยป.ป.ช.เป็นจังหวะก้าว 1
การส่งเรื่องไปยังสนช.กระทั่งนำไปสู่การลงมติ”ถอดถอน”ก็เป็นจังหวะก้าว 1
การส่งฟ้อง”ศาล” ก็เป็นจังหวะก้าว 1
การดำเนินการต่อสู้ของจำเลยโดยเฉพาะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชิน วัตร ไม่ว่าจังหวะก้าวใด ล้วนเป็น”สิทธิ”
สิทธิตาม”รัฐธรรมนูญ”
หากดูจากการพิจารณาคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจำนวน 16 ครั้ง
ก็จะเข้าใจในกระบวนการ
การต่อสู้ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดำเนินไปใน 2 แนวทางเท่าที่รัฐธรรมนูญกำหนด
1 ต่อสู้ในทาง “กฎหมาย”
ขณะเดียวกัน 1 ซึ่งสำคัญเป็นอย่างมากก็คือ ต่อสู้ในทาง”การเมือง”
ภาพของ”มวลชน”ที่มาให้”กำลังใจ”จึงปรากฏขึ้น เพราะว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เคยเป็นนายกรัฐมนตรีและออกนโยบายจำนำข้าวเพื่อช่วยเหลือชาวนา จึงมีชาวนามาให้กำลังใจ
นี่ย่อมเป็นสิทธิของ”ชาวนา”
ไม่ว่าในที่สุดคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะออกมาอย่างไร
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผิด หรือไม่ผิด
เรื่องนี้ก็เป็นประเด็นในทาง “การเมือง” ไปแล้วโดยสมบูรณ์ ไม่ว่าใครก็ตามที่เข้ามาเกี่ยวข้องในด้านกล่าวหา หรือในด้านถูกกล่าวหาล้วนอยู่ในวงร้อยรัดของการเมือง
เดินใต้แสงแดดก็ย่อมเจอแดด เดินใต้สายฝนก็ย่อมต้องเปียก