สุดเวทนา ตา-ยายอาศัยร.ร.ร้าง มีเพียงเจ้าอาวาสวัดช่วย ไร้คนเหลียวแล ลูกๆต่างมีครอบครัว

ตายายอาศัยอยู่ในโรงเรียนร้างนานเกือบ 5 ปี ไร้ผู้เหลียวแล มีลูก 6 คน พึ่งได้แค่ 1 คนมีรายได้ไม่พอกิน อีก 5 คนสูญเปล่า มีเจ้าอาวาสวัดช่วยเหลือได้เพียงเล็กน้อย ชีวิตสุดอนาถา

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรังว่า พระอธิการทิพนัช เตมปณโณ เจ้าอาวาสวัดศรัทธาธรรม นำผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดตรัง เดินทางไปยังโรงเรียนวัดศรัทธาธรรม ม.3 บ้านไสจีนติก ต.ปะเหลียน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ซึ่งอยู่จากวัดประมาณ 500 เมตร หลังจากทราบว่ามีตายายคู่หนึ่งและลูกชาย อาศัยอยู่ในโรงเรียนร้างแห่งนี้ มานานเกือบ 5 ปี ท่ามกลางเสียงโจษขานของชาวบ้านในละแวกนั้น กล่าวหาว่า ครอบครัวนี้เห็นแก่ตัว ใช้โรงเรียนซึ่งเป็นทรัพย์สินของทางราชการเป็นที่พักอาศัยโดยพละการ

เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางไปถึงพบ นายพันธ์ พาพันธ์ อายุ 88 ปี และนางสงวน พาพันธ์ อายุ 74 ปี ตายาย ตามบัตรประชาชนอยู่ ต.บางด้วน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง มีสภาพความเป็นอยู่ สุดแสนน่าเวทนา ด้วยเครื่องนอนเก่าๆ ที่เสื่อมสภาพเต็มที่หลังคาพังเวลาฝนตกก็รั่วอย่างหนัก มีมุ้งกางไว้กลางห้องสำหรับใช้กันยุง ฟูกที่นอนไม่มี ข้าวของที่มีราคาแทบหาไม่เจอ มีไฟแสงสว่างแค่เพียง 1 หลอด และน้ำกินใช้ที่ต่อท่อ มาจากวัดศรัทธาธรรม โดยเจ้าอาวาสได้อนุเคราะห์ช่วยเหลือ การหุงหาอาหารก็ใช้ไม้ฟืน มียาสามัญประจำบ้านส่วนหนึ่ง วางอยู่ใกล้ๆที่นอน ทั้งสองคนมีเพียงเงินคนแก่เป็นรายได้เดือนละ 1,600 บาท กับเงินรายได้ของนายสานิต พาพันธ์ ลูกชายคนเล็กอายุ 25 ปี มาอาศัยอยู่ด้วย และมีอาชีพรับจ้างตัดหญ้าเล็กๆน้อยๆ มีรายได้ครั้งละ 200-300 บาท พอประทั่งเลี้ยง 3 ชีวิตเท่านั้น

นายพันธ์ – นางสงวน พาพันธ์ สองตายาย เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เติมทีนายพันธ์เป็นชาว จ.ศรีสะเกตุ มีอาชีพรับจ้างทำงานทั่วไปโดยเฉพาะ งานก่อสร้าง ก็ต้องเดินทางไปหลายๆจังหวัด จนมาถึงจังหวัดตรังก็พบรักกับนางสงวนฯ จึงตัดสินใจอยู่ร่วมกันจนมีบุตร-ธิดา ด้วยกัน 6 คน ปัจจุบันต่างก็มีครอบครัวกันไปหมดแล้ว แต่ก็ไม่สามารถดูแลตนสองคนพ่อแม่ได้ เพราะมีปัญหาลูกเขย ลูกสะใภ้ จึงตัดสินใจ ย้ายมาอยู่บ้านญาติ แต่ก็กลับมีปัญหาญาติจำเป็นต้องขายบ้านที่พักอาศัยไปอีก ทำให้ตนสองคน ไม่มีที่อยู่ จึงเดินทางมาที่วัดศรัทธาธรรม เพราะเคยรู้จักกับท่านเจ้าอาวาสมาก่อน กะว่าจะมาขออาศัยอยู่ที่วัด แต่ พระอธิการทิพนัช เตมปณโณ เจ้าอาวาสวัดศรัทธาธรรมก็บอกว่ามีอาคารเรียน ซึ่งร้าง ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร อยู่ก็ให้มาอยู่ชั่วคราวไปก่อน ส่วนอาหารการกิน ก็อาศัยวัดบ้าง เพื่อนบ้านช่วยเหลือมาบ้างเป็นครั้งคราว

Advertisement

โดยตอนนี้ก็คิดกันว่า อยากจะกลับไปอยู่บ้านเดิม ที่ จ.ศรีสะเกตุ เพราะมีญาติพี่น้องของนายพันธ์ อยู่ที่นั่น แต่ก็จนใจ ยังไม่สามารถเดินทางไปได้ เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายในการค่าเดินทาง ขืนยังอยู่ที่โรงเรียนร้างแห่งนี้ต่อไปก็คงไม่สะดวกและไม่อยากอยู่อีกต่อไปแล้ว หากตอนนี้ขอได้อยากขอให้มีค่าเดินทางกลับไปที่ จ.ศรีสะเกตุเท่านั้น ก็จะย้ายออกไปทันทีทั้งหมด เพราะไม่อยากถูกรังเกียจจากเพื่อนคนในชุมชนมากไปกว่านี้ และไม่อยากมีความหวังว่าลูกๆ อีก 5 คนจะมาช่วยเหลือเพราะหมดหวังเรื่องนี้ไปนานแล้ว

ด้านพระอธิการทิพนัช เตมปณโณ เจ้าอาวาสวัดศรัทธาธรรม กล่าวว่า เมื่อประมาณ 4-5 ปี ที่แล้วก็เจอโยมสองตายายนี้เดินหาบ้านเช่า ก็เกิดความสงสารว่าไม่มีบ้านอยู่ เที่ยวเร่ร่อนก็อายุก็มากแล้ว แถมไม่มีงานทำก็เลยแนะนำให้ไปอยู่ที่โรงเรียนแห่งนี้ชั่วคราวเพราะเห็นว่าถูกปล่อยให้ร้างอยู่นานแล้ว แต่พออยู่ไปสักพักก็มีเสียงวิพากวิจารณ์จากคนในชุมชนหนาหูขึ้นเรื่อยๆ ถึงความไม่เหมาะสมที่ปล่อยให้สองตายายเข้าไปอยู่ในโรงเรียนร้างแห่งนี้โดยพละการ ตนก็ไม่ทราบจะทำอย่างไร จนกระทั่งตายายกับลูกชายก็หารือกันว่าจะกลับไปที่ จ.ศรีสะเกตุ เนื่องจากพอมีญาติอยู่บ้าง ตอนนี้ติดอยู่ที่ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง จึงยังไม่สามารถไปได้

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image