ก.ล.ต.ลงดาบอดีตผู้บริหาร-หุ้นใหญ่ นิปปอน แพ็ค ใช้ข้อมูลภายในซื้อหุ้น

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ว่า ก.ล.ต.ได้ดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับอดีตผู้บริหารของบริษัท นิปปอน แพ็ค จำกัด (มหาชน) (NPP) และผู้ถือหุ้นใหญ่รวม 2 ราย ได้แก่ (1) นายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย และ (2) นางสาวรินนภา คุณะวัฒน์สถิตย์ กรณีซื้อหุ้นและชักชวนให้บุคคลอื่นซื้อหุ้น บริษัท นิปปอน แพ็ค และหลักทรัพย์ NPP-W1 โดยอาศัยข้อมูลภายใน โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่งรวม 10,336,293.33 บาท และส่งคืนผลประโยชน์รวม 7,602,368 บาท

ทั้งนี้ ก.ล.ต. ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จึงตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริษัท นิปปอน แพ็ค ครั้งที่ 6/2557 ที่ประชุมได้อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวนกว่า 544 ล้านบาท โดยเป็นการจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิม จัดสรรให้นักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง และจัดสรรเพื่อรองรับการใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิ ปรากฏว่า ก่อนที่มติที่ประชุมดังกล่าวจะเปิดเผยต่อประชาชนทั่วไปผ่านระบบของ ตลท. นายสุรพงษ์ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการของ บริษัท นิปปอน แพ็ค ล่วงรู้ข้อมูลภายในเรื่องการเพิ่มทุนดังกล่าว ได้ซื้อหุ้น บริษัท นิปปอน แพ็ค รวมจำนวนกว่า 5.4 ล้านหุ้น และหลักทรัพย์ NPP-W1 รวมจำนวน 3.3 ล้านหุ้น ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนางสาวรินนภา นอกจากนี้ นายสุรพงษ์ยังได้ชักชวนให้บุคคลอื่นซื้อหุ้น บริษัท นิปปอน แพ็ค ด้วย

การกระทำของนายสุรพงษ์ จึงเป็นความผิดตามมาตรา 241 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งมีระวางโทษอาญาตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 และมาตรการลงโทษทางแพ่งตามมาตรา 317/1 มาตรา 317/4 และมาตรา 317/5 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559

ขณะที่น.ส.รินนภา ซึ่งเป็นผู้ให้การสนับสนุนการกระทำของนายสุรพงษ์ จะมีความผิดตามมาตรา 241 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ประกอบมาตรา 86 ประมวลกฏหมายอาญา ซึ่งต้องระวางโทษ ตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 และมาตรการลงโทษทางแพ่ง ตามมาตรา 317/1 มาตรา 317/4 และมาตรา 317/5 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559

Advertisement

คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาบังคับใช้กับผู้กระทำผิดและผู้กระทำผิดทั้ง 2 ราย ได้ทำบันทึกยินยอมรับมาตรการลงโทษทางแพ่งและปฏิบัติตามบันทึกยินยอมดังกล่าวครบถ้วนแล้ว ดังนี้ (1) นายสุรพงษ์ ส่งคืนผลประโยชน์ทั้งหมดซึ่งเป็นจำนวน 7,602,368 บาท และชำระค่าปรับ

ทางแพ่งอีก จำนวน 10,002,960 บาท และ (2) นางสาวรินนภา ชำระค่าปรับทางแพ่ง จำนวน 333,333.33 บาท ซึ่งเงินค่าปรับทางแพ่งและเงินค่าชดใช้คืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำผิด เป็นรายได้แผ่นดินที่ ก.ล.ต. จะนำส่งกระทรวงการคลังต่อไป นอกจากการถูกลงโทษด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งดังกล่าว ก.ล.ต. สั่งห้ามมิให้นายสุรพงษ์ เป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่มีมหาชนเป็นผู้ถือหุ้น[1] เป็นเวลา 2 ปี 6 เดือน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image