วิกฤตแรงงานดูแลคนชรา!! อีก3ปี คนไทยเข้าสังคมสูงวัยทะลุ14 ล้าน

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) อย่างเต็มรูปแบบในอีก 3-4 ปีข้างหน้านี้ คาดปี 2563 ประเทศไทยจะมีผู้สูงอายุ 14 ล้านคน หรือ 20% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ รวมถึงประเทศที่พัฒนาแล้วผู้สูงอายุมีจำนวนมากขึ้นเห็นได้ชัด เช่น ญี่ปุ่น นอร์เวย์ สวีเดน เดนมาร์กไอซ์แลนด์ และฟินแลนด์ เป็นต้น จึงเป็นโอกาสของประเทศไทยที่จะดึงดูดผู้สูงอายุจากกลุ่มประเทศดังกล่าวให้เดินทางเข้ามาใช้บริการในประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยมีความพร้อมและได้เปรียบหลายด้าน เช่น คนไทยมีหัวใจรักบริการ ความสะดวกสบายในการรับบริการ ค่าใช้จ่ายในการให้บริการมีความเหมาะสม มีสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่พักผ่อนที่หลากหลายสามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล ฯลฯ ยังมีสถานบริการทางการแพทย์และสถานบริการสุขภาพที่ครบครัน

“ปัญหาหนึ่งคือ สถานบริการดูแลผู้สูงอายุบางแห่งยังไม่ได้มาตรฐานเท่าที่ควร การดำเนินงานยังคงพบปัญหาข้อร้องเรียนต่างๆ เช่น ผู้ให้บริการไม่รับผิดชอบดูแลผู้สูงอายุให้เพียงพอ ฯลฯ หรือในกรณีผู้สูงอายุเสียชีวิต ณ สถานประกอบการ ควรต้องดำเนินการอย่างไร เนื่องจากยังไม่มีเกณฑ์มาตรฐานสถานดูแลผู้สูงอายุที่จะให้คำตอบเมื่อเกิดปัญหาขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบและเกิดความเสียหายแก่ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุในระยะยาว ”

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า จึงสั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเข้ามาดูแลเรื่องมาตรฐานของธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ โดยให้เน้นการพัฒนาศักยภาพให้มีคุณภาพ การเพิ่มพูนทักษะการดูแลผู้สูงอายุให้ได้มาตรฐานมีความเป็นมืออาชีพ ประกอบด้วย 1) การสร้างองค์ความรู้ และเสริมสร้างศักยภาพด้านการบริหารจัดการ 2) พัฒนาธุรกิจบริการสู่เกณฑ์มาตรฐานคุณภาพตามแนวทางของรางวัลคุณภาพแห่งชาติ (TQA) 3) สร้างโอกาสทางการตลาดและเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจสู่สากล และร่วมมือกับสมาคมส่งเสริมธุรกิจบริการผู้สูงอายุไทย รับฟังปัญหาของผู้ประกอบการ ร่วมแก้ไข และรณรงค์

ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุในประเทศไทย แบ่งออกเป็น 6 รูปแบบ คือ 1) ดูแลผู้สูงอายุกลุ่มเดย์แคร์ การบริการแบบเช้าไป-เย็นกลับ 2) ธุรกิจสถานบริการดูแลระยะยาว โดยจะครอบคลุมการพักค้างคืน บริการอาหาร ทำความสะอาดเสื้อผ้าและร่างกาย พร้อมทั้งติดตามดูแลสุขภาพเบื้องต้น เช่น – บ้านพักคนชรา – สถานที่ให้การช่วยเหลือในการดำรงชีวิต – สถานดูแลระยะยาวในโรงพยาบาล – สถานบริบาล – สถานดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย 3) ที่อยู่อาศัยเฉพาะผู้สูงอายุ เป็นการบริการผู้สูงอายุหรือผู้ที่เตรียมเป็นผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป เป็นการเช่าซื้อบ้านหรือห้องพักในระยะยาว โดยมากเป็นระยะเวลา 30 ปี หรืออยู่อาศัยจนสิ้นอายุขัย แต่ไม่สามารถมีกรรมสิทธิ์ในบ้านนั้นเมื่อเสียชีวิต 4) บริการส่งผู้ดูแลไปดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน 5) สถานสงเคราะห์แก่ผู้สูงอายุที่ยากจนไร้ญาติ ธุรกิจประเภทนี้ให้การสงเคราะห์ในเรื่องที่พักอาศัย และมีอาหารบริการ 3 มื้อ และ 6) สถานส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ ให้บริการตรวจสุขภาพและคำแนะนำในการส่งเสริมดูแลสุขภาพ

Advertisement

ปัจจุบันมีจำนวนผู้ประกอบการธุรกิจดูแลผู้สูงอายุในประเทศไทย ทั้งสิ้น 800 ราย แบ่งเป็น นิติบุคคล 169 ราย คิดเป็น 21.12% และบุคคลธรรมดา 631 ราย คิดเป็น 78.88%

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image