หญิงวัย 58 ปี ล้างส้วมวัดเลี้ยงหมา 43 ตัว ในเพิงพักของตนเอง ไม่มีเลขที่ ไม่มีน้ำประปา ไม่มีไฟฟ้าใช้

ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีคุณป้าวัย 58 ปี รับจ้างล้างส้วมวัดพวงมาลัยได้เงินเดือนละ 1,000 บาท เพื่อนำเงินมาเลี้ยงสุนัขที่เลี้ยงไว้บริเวณที่พักรวม 43 ตัว จึงสืบจนทราบว่าคุณป้าคนดังกล่าว อาศัยในเพิงที่พักไม่มีเลขที่ ไม่มีน้ำประปา ไม่มีไฟฟ้าใช้ ริมถนนเชิงสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลองฝั่งวัดพวงมาลัย เขตเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม จึงเดินทางไปตรวจสอบพบ น.ส.วรรณดี มุ่งเขม้น อายุ 58 ปี ภูมิลำเนาเลขที่ 150 หมู่ 5 ต.ดำเนินสะดวก อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี กำลังร่วมกับนายนิรันดร์ ผาดเพชร อายุ 65 ปี สามีเดินให้อาหารสุนัขรวม 43 ตัว ที่เลี้ยงไว้ในบริเวณบ้าน กลางสวนมะพร้าว

น.ส.วรรณดีเล่าด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า เดิมตนอยู่ที่ จ.ราชบุรี มีอาชีพขายขนมถังแตกและขนมเบื้อง ตามงานวัด ระยะหลังขายไม่ดีจึงขาดทุนเรื่อยมา กระทั่งเมื่อปี พ.ศ.2556 ตนมาขายขนมถังแตกที่วัดพวงมาลัย และได้รับอนุญาตให้พักอาศัยที่วัดและช่วยงานวัดได้ข้าวก้นบาตรประทังชีวิต ตนเห็นสุนัขในวัดจำนวนมากก็นึกสงสารชีวิตเหมือนตนเองที่ต้องซัดเซพเนจร มาอาศัยข้าววัดกิน ตนจึงเลี้ยงดูสุนัขในวัดกว่า 20 ตัว ต่อมามีผู้ใจบุญจัดหาที่อยู่ให้เป็นสัดส่วนในที่อยู่ปัจจุบัน ซึ่งสุนัขทั้ง 20 ตัวก็เดินตามตนมาอยู่ด้วย กระทั่งออกลูกออกหลาน อีกทั้งตนพบสุนัขที่ถูกทิ้งตามทางก็สงสารเก็บมาเลี้ยงมากที่สุดรวมถึง 70 ตัว ซึ่งส่วนหนึ่งถูกรถชนตายไปจนปัจจุบันเหลือสุนัข 43 ตัว เมื่อ 2 เดือนก่อน จึงมีผู้ใจบุญนำตาข่ายมาล้อมบริเวณบ้านเพื่อป้องกันสุนัขออกไปบนถนน

น.ส.วรรณดีเล่าว่า ตนและสามีอายุมากแล้ว อีกทั้งขายขนมเบื้องตามงานวัดก็ขาดทุนจึงหยุดขาย หันมารับจ้างทั่วไปหากไม่มีงานรับจ้างก็เหลาไม้กวาดทางมะพร้าว รายได้ไม่แน่นอน มีเพียงรายได้เดือนละ 1,000 บาท จากค่าตอบแทนในการล้างส้วมวัด เพื่อนำเงินมาซื้อข้าวเลี้ยงทั้งคนและสุนัขประทังชีวิต แต่ก็ยังมีค่าใช้จ่ายค่าอาหารเฉลี่ยวันละ 100 บาท หากยามใดที่มันป่วยก็ต้องพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลสัตว์แห่งหนึ่งในตำบลแม่กลอง ซึ่งคุณหมอก็ใจดีบางครั้งก็ไม่คิดค่ารักษา บางครั้งก็ต้องไปซื้อยารักษาโรคมาฉีดเองตัวละ 200 บาท นอกจากนี้ ยังต้องจัดหายาคุมมาฉีดให้กับสุนัขทั้ง 43 ตัวเพื่อป้องกันตั้งท้อง อีกทั้งวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าซึ่งขณะนี้ยังฉีดไม่ครบทุกตัว บางครั้งก็มีผู้ใจบุญนำอาหารเม็ดและข้าวสารมามอบให้เป็นครั้งคราว ซึ่งตนก็อาศัยข้าวสารเหล่านั้นมาหุงรับประทานประทังชีวิตทั้งคนและสุนัขด้วย

Advertisement

น.ส.วรรณดีเล่าด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า แม้ชีวิตจะลำบากรายได้จะไม่พอเลี้ยงดูสุนัขแต่ชีวิตก็ต้องสู้ เพราะเมื่อเลี้ยงเขาแล้วจะปล่อยไปให้อดตายหรือโดนรถทับก็จะเป็นบาป ใจเขาใจเรา สุนัขก็มีหัวใจ ตนรักสุนัขเหมือนลูก รักด้วยใจ และไม่อยากที่ต้องเห็นภาพอุ้มซากสุนัขที่ถูกรถยนต์ทับลงมาจากสะพาน จึงพยายามดูแลอย่างดี แต่หากมีใครมาขอก็ไม่ให้เนื่องจากตนเป็นห่วง แม้จะต้องขอทานมาเลี้ยงสุนัขก็ยอมจนกว่าจะตายจากกันไป อย่างไรก็ตาม หากใครสงสาร ก็แล้วแต่จะเมตตาสุนัข ติดต่อได้ที่โทรศัพท์ 08-4893-2437

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image