ตรวจแถวสายการบิน โล่ง…ยูแซพฉลุย จับตาก๊อกสอง ลุ้นปลดธงแดงไอเคโอ

ผ่านไปเรียบร้อย สำหรับการตรวจสอบภายใต้ โครงการตรวจสอบการกำกับดูแลด้านความปลอดภัยการบินพลเรือน (ยูแซพ : USAP) ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอเคโอ) ช่วงวันที่ 11-21 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการตรวจมาตรฐานด้านความปลอดภัยสนามบินหลักของไทย คือ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมือง

การเข้ามาตรวจสอบของไอเคโอครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่ตรวจสอบหน่วยงานบริหารด้านการจัดจราจรทางอากาศด้วย คือ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) ทำให้ บวท.ออกอาการตื่นเต้นพอสมควร เพราะหากผลการตรวจสอบออกมาว่าไม่ผ่าน ก็จะซ้ำเติมความเชื่อมั่นของต่างประเทศให้ถดถอยลงไปอีก หลังจากก่อนหน้านี้ไทยถูกปักธงแดงเกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินของหน่วยงานกำกับดูแลของไทย ภายใต้โครงการตรวจสอบการกำกับดูแลด้านความปลอดภัยสากล (ยูโซพ : USOAP) ไปแล้ว

ไอเคโอตรวจสอบ กพท.และ บวท.

การเดินทางเข้ามาของเจ้าหน้าที่ไอเคโอครั้งนี้ เป็นผู้เชี่ยวชาญจาก 4 ประเทศ 4 คน จากประเทศเปอร์โตริโก บังกลาเทศ เกาหลีใต้ และศรีลังกา โดยเดินทางเข้าไทยตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม จากนั้นวันที่ 11 กรกฎาคม ได้ทำพิธีเปิดการตรวจสอบ และประชุมร่วมสรุปข้อมูลทั้งหมดกับผู้บริหารสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ณ สำนักงานใหญ่ กพท.

Advertisement

ตลอดช่วง 4 วันแรกเป็นการตรวจ กพท. และ บวท. โดยในส่วนของ บวท.นั้น ทางไอเคโออนุญาตให้เจ้าหน้าที่ กพท. 2 คน และ บวท. 2 คนเดินตามไปด้วย ซึ่งประเด็นที่ไอเคโอให้ความสำคัญมีหัวข้อหลัก คือ 1.ความปลอดภัยทางการบินเชิงกายภาพ (physical security) 2.ระบบรักษาความปลอดภัย (system security) โดยเฉพาะระบบทางไซเบอร์ 3.แผนรับมือฉุกเฉิน และ 4.ระดับพนักงานดำเนินการ

การตรวจสอบถือว่าไม่มีปัญหา เนื่องจากก่อนหน้านี้ทาง บวท.ได้เตรียมความพร้อมไว้แล้วหลังไอเคโอได้แจ้งมาเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ว่า จะเข้ามาตรวจสำนักงานใหญ่ บวท.ด้วย ทาง บวท.จึงมีเวลาเตรียมพร้อม 1 เดือน ไม่ว่าจะเป็นการฝึกอบรมพนักงานทุกภาคส่วนตั้งแต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไปจนถึงระดับผู้บริหารโดยเฉพาะพนักงานควบคุมจราจรทางอากาศ และวิศวกรจะถูกอบรมเตรียมความพร้อมเป็นพิเศษ เพราะการตรวจสอบเน้นสอบถามรายบุคคลกับระดับพนักงานที่ปฏิบัติงานจริง โดยเป็นเรื่องความสม่ำเสมอของความปลอดภัย และการซ้อมแผนฉุกเฉินขององค์กร เช่น แผนกรณีเกิดการจี้เครื่องบิน และภัยก่อการร้ายความเสี่ยงสูงบนเครื่องบิน เป็นต้น

ขณะเดียวกัน ก่อนถึงวันตรวจจริง วันที่ 5 กรกฎาคม บวท.ยังได้ซ้อมตรวจความพร้อมของตัวเองที่สำนักงานใหญ่ และวันที่ 7 กรกฎาคม ซ่อมตรวจสอบที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมืองด้วย

Advertisement

ตรวจสนามบินสุวรรณภูมิ-ดอนเมือง

ภายหลังเข้าตรวจ บวท.แล้ว ในช่วง 3 วันถัดมาได้เข้าไปตรวจสอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และอีก 3 วันสุดท้ายตรวจสอบที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งผลการตรวจสอบ 2 ท่าอากาศยาน ถือว่าไม่มีปัญหาอะไรที่เป็นนัยยะสำคัญอะไรที่ส่งผลให้ไม่ผ่านการตรวจสอบ มีเพียงข้อแนะนำเล็กๆ น้อยเท่านั้น ทั้ง 2 ท่าอากาศยานจึงมั่นใจว่าผ่านแน่นอน

ในเรื่องนี้ นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระบุว่า ช่วงวันแรกๆ ที่ไอเคโอเข้ามาตรวจสอบ มีการปรับบ้างเล็กๆ น้อยๆ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของบุคลากรและขั้นตอนต่างๆ แต่ก็ไม่มีข้อแนะนำอะไรเป็นพิเศษ ถือว่าเรียบร้อยดี คิดว่าไม่มีปัญหา ส่วนของท่าอากาศยานดอนเมืองมีอยู่นิดหน่อย แต่น่าจะผ่านทั้งคู่ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนผลการตรวจสอบเมื่อทางไอเคโอกลับไปแล้วก็จะแจ้งผลกลับมา เท่าที่รับทราบอย่างไม่เป็นทางการน่าจะผ่าน ไม่มีอะไร เพราะหากไม่ผ่านทางไอเคโอจะบอกตอนนั้น และให้ธงแดงไปเลย

อีก 15 วันส่งผลเป็นทางการมาไทย

นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการ กพท. ให้ข้อมูลเพิ่มว่า หลังจากไอเคโอตรวจสอบเสร็จแล้ว จะกลับสำนักงานใหญ่ไอเคโอ เมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา จากนั้น จะส่งผลการตรวจสอบอย่างเป็นทางการให้ กพท. ภายใน 15 วัน โดยแจ้งประเด็นที่ติดใจเป็นพิเศษให้รับทราบ และให้เวลาแก้ไขข้อบกพร่องภายใน 15 วัน ถ้าแก้ไขข้อบกพร่องได้ก็ไม่มีปัญหาแต่หากแก้ไขไม่ได้ และไม่ผ่านการตรวจ จะไม่มีการให้ธงแดง แต่ไอเคโอจะแจ้งผลการตรวจให้ประเทศสมาชิกได้ทราบในทางลับ ว่าประเทศไทยติดข้อบกพร่องใดบ้าง แต่ไม่มีการเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และอาจเป็นจุดให้ผู้ก่อการร้ายอาศัยช่องว่างดังกล่าวเข้ามาลงมือก่อเหตุต่างๆ ได้

นายจุฬายังระบุถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาข้อบกพร่องที่มีนัยยะสำคัญต่อความปลอดภัยด้านการบิน (เอสเอสซี) ภายใต้โครงการยูโซพที่ทำให้ไทยถูกปักธงแดงว่า กพท.ยื่นขอให้ไอเคโอเข้ามาตรวจสอบเพื่อปลดธงแดงเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยไอเคโอจะให้คำตอบประมาณปลายเดือนกรกฎาคมนี้ ว่าจะเข้ามาตรวจสอบเพื่อปลดธงแดงได้เมื่อไหร่ คาดว่าน่าจะเข้ามาตรวจได้เดือนกันยายนนี้ ขณะที่ กพท.ยังทบทวนและออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่ (เอโอซีใหม่) ให้สายการบินที่ให้บริการเส้นทางบินระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นหนึ่งในเงื่อนไขการปลดธงแดงของไอเคโอ

เร่งออกเอโอซีเพื่อปลดธงแดง

นายจุฬาระบุว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กพท.ได้มอบใบเอโอซีใหม่ให้สายการบินไทยสมายล์เป็นรายที่ 7 และสายการบินไทย ไลอ้อน แอร์ เป็นรายที่ 8 และเมื่อรวมสายการบินระหว่างประเทศมี 8 แห่งที่ได้รับเอโอซีใหม่แล้ว โดยมีจำนวนเครื่องบินที่ผ่านการตรวจแล้ว คิดเป็น 84% ของฝูงบินรวมในประเทศไทย มีจำนวนเที่ยวบินคิดเป็น 92% ของเที่ยวบินระหว่างประเทศทั้งหมด และมีจำนวนผู้โดยสารคิดเป็น 97% ของผู้โดยสารที่เดินทางในเส้นทางระหว่างประเทศทั้งหมด หลังจากนี้ กพท.คาดว่าจะมอบเอโอซีใหม่ให้สายการบินนิวเจน แอร์เวย์ส และเอ็มเจ็ท เป็นรายที่ 9 และ 10 ในเดือนสิงหาคมนี้

ส่วนสายการบินที่เหลืออีก 15 สายการบิน ขณะนี้มี 2 สายการบินขอถอนตัวรับใบเอโอซีแล้ว เนื่องจากมีปัญหาทางด้านการเงิน ส่งผลให้เหลืออีก 13 สายการบินที่ กพท.ต้องเร่งทยอยตรวจสอบ หากภายในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ สายการบินไหนยังไม่ได้รับเอโอซีใหม่ต้องหยุดบินระหว่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2560 เป็นต้นไป

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุว่า กพท.ต้องเร่งตรวจสอบเพื่อออกใบเอโอซีให้กับสายการบินที่เหลืออย่างต่อเนื่อง ก่อนที่ไอเคโอจะเข้ามาตรวจสอบซ้ำเพื่อปลดธงแดง โดยปัจจุบัน กพท. มอบเอโอซีให้กับสายการบินแล้ว 8 สายการบิน จาก 23 สายการบิน แม้จะดูว่ายังเหลือสายการบินอีกมากที่ยังไม่ผ่านการตรวจสอบ เมื่อดูจากสัดส่วนของ 8 สายการบินที่ได้รับเอโอซี จะเห็นว่าเป็นภาพใหญ่ของประเทศ และทำได้เกินเป้าหมายที่ไอเคโอกำหนดไว้ คือ มีฝูงบิน 84% ของจำนวนสายการบินทั้งหมด จากกำหนดไว้ 75% เป็นต้น เหล่านี้เป็นการให้ความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยให้แก่ผู้โดยสารได้มาก

คณะมนตรีไอเคโอชมหน่วยงานไทย

นายอาคมระบุว่า การหารือกับคณะมนตรีของไอเคโอจากภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกครั้งล่าสุด ได้ชื่นชมหน่วยงานที่เกี่ยวกับการบินของไทย ไม่ว่าจะเป็น กพท. บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. บวท. และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) แต่ละหน่วยงานมีความเชี่ยวชาญ และมีการบริหารที่ดีชั้นแนวหน้าของโลก และได้ให้กำลังใจไทย โดยหวังว่าจะสามารถปลดธงแดงได้ เพื่อนำประสบการณ์ไปช่วยเหลือประเทศที่กำลังพัฒนาอื่นๆ และผลักดันสู่การเป็นฮับของภูมิภาคโดยเร็วต่อไป

เมื่อพิจารณาจากข้อมูลทั้งหมดแล้ว แม้ผลการตรวจสอบยูแซพไทยผ่านฉลุย แต่ท้ายสุดยังต้องลุ้นยูโซพ ที่ถือว่าสำคัญไม่แพ้กัน หากปลดธงแดงไม่ได้ธุรกิจการบินของไทยคงทรุดฮวบ ตรงกันข้ามเมื่อดึงธงแดงออกได้ อุตสาหกรรมการบินของไทยจะโตขึ้นอีกมาก จะเปิดหรือเพิ่มเส้นทางบินไปประเทศไหนก็ได้โดยไม่ถูกกีดกัน ซึ่งทุกสายการบินเตรียมพร้อมแล้ว รอเพียงไอเคโอไฟเขียวเท่านั้นเอง!!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image