สกู๊ปพิเศษ : ‘บาส’ เดชาพล พัววรานุเคราะห์-ยังไม่หยุด ‘ก้าว’ แม้มาไกลเกิน ‘ฝัน’

ชั่วโมงนี้ถ้าจะหานักแบดมินตันที่ฟอร์มอยู่ในระหว่างการพัฒนาและดีขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เข้าปี 2017 เป็นต้นมา ก็คงจะหนีไม่พ้นคู่ผสมของ “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ และ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย มือ 8 ของโลก ณ เวลานี้

หากย้อนไปช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว ทั้งสองคนอยู่เพียงอันดับที่ 22ของโลกเท่านั้น ก่อนจะก้าวขึ้นมาถึง 12 อันดับภายในระยะเวลา 52สัปดาห์ที่ผ่านมา

หลายคนมักจะรู้จักกับ “ปอป้อ” กันเป็นอย่างดี เพราะว่าสร้างชื่อมาอย่างยาวนาน แต่กับ “บาส” อาจจะไม่คุ้นกันมากเท่าไหร่นัก

พ่อหนุ่มคนนี้เกิดเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ.2540 ที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ซึ่งเจ้าตัวเล่าให้ฟังว่าในสมัยเด็กนั้นที่บ้านต้องการให้เล่นกีฬา จึงได้ลองกีฬามาแล้วหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอล, กรีฑา,เทนนิส ก่อนจะกลายมาเป็นนักแบดมินตันอย่างในปัจจุบันนี้

Advertisement

“ผมได้เริ่มต้นเล่นกีฬาจากฟุตบอลก่อนครับ แต่ตอนนั้นพอเล่นไปเล่นมาแล้วแม่กลัวว่าจะมีเรื่องของการอาการบาดเจ็บจากการเข้าปะทะ แล้วอาจจะต้องถึงผ่าตัด จึงอยากให้เปลี่ยนกีฬา เลยมาลองเป็นนักกรีฑา แต่พอได้เล่นไปเล่นมาแล้วตัวเองรู้สึกว่าเป็นกีฬาที่ไม่แน่นอน ก็เลยทำให้เลิกเล่นไป”

“จากนั้นผมได้ลองเล่นเทนนิส ซึ่งจริงๆ เป็นกีฬาที่ชอบแต่ว่ามันเล่นกลางแจ้ง แล้วรู้สึกว่ามันร้อนเกินไป จึงได้เปลี่ยนมาลองกีฬาที่คล้ายๆ กันอย่างแบดมินตัน ซึ่งเป็นกีฬาในร่ม และก็ได้ไปลองเล่นที่อำเภอศรีราชา ก่อนจะติดใจและเล่นมาอย่างต่อเนื่องในที่สุด”

Advertisement

เดชาพล ยอมรับว่าในช่วงเริ่มต้นที่เล่นแบดมินตันนั้น ไอดอลในการเล่นคือ“แมน” บุญศักดิ์ พลสนะ อดีตนักแบดมินตันชายเดี่ยวเบอร์ 1 ของเมืองไทยในเวลานั้น ซึ่งเคยเป็นนักแบดมินตันชายไทยที่ขึ้นถึงอันดับสูงสุดคือเบอร์ 4 ของโลก

ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้เดชาพล เริ่มเล่นจากประเภทชายเดี่ยว และสร้างชื่อในระดับเยาวชนคว้าแชมป์ในระดับเยาวชนมาแล้วทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นรุ่นยุวชน11 ปี, 13 ปี และ 15 ปี ก่อนจะเข้าแข่งขันในระดับเยาวชนชิงแชมป์ประเทศไทย (SCG Junior Badminton Championships) ซึ่งก็ยังคว้าแชมป์ระดับประเทศในเขตภาคกลางได้ทั้งรุ่น 14 ปี และ 16 ปีด้วยกัน และเข้าร่วมโครงการ เอสซีจี แบดมินตัน อคาเดมี เมื่อปี 2553

ทว่าหลังจากนั้น “โค้ชโอม” เทศนา พันธ์วิศวาส หัวหน้าผู้ฝึกสอน “เอสซีจี แบดมินตัน อคาเดมี” เห็นแววของบาส กับเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง “สกาย”กิตตินุพงษ์ เกตุเรน จึงได้จับมาเล่นคู่กัน

“พี่โอมบอกว่าความสามารถของผมถ้าหากว่าได้เล่นประเภทคู่นั้นจะสามารถทำได้ดีกว่าประเภทเดี่ยว จริงๆ ตอนแรกก็ไม่ค่อยเชื่อ แต่พอได้ลองเล่นแล้วก็เป็นจริงอย่างที่โค้ชบอก”

จนกระทั่งอายุ 17 ปี ชื่อของ “บาส-สกาย” ก็กระหึ่มขึ้นมาหลังจากที่คว้าเหรียญทองประเภทบุคคลชายคู่ ในการแข่งขันแบดมินตันเยาวชนชิงแชมป์โลก 2014 ที่ประเทศมาเลเซีย และนับเป็นประเภทที่ 3 ที่นักกีฬาเยาวชนไทยสามารถคว้าแชมป์เยาวชนโลกได้ ต่อจากหญิงเดี่ยว (รัชนก อินทนนท์ 2009-11) และ คู่ผสม (มณีพงศ์ จงจิตร-รจนา จุฑาบัณฑิตกุล2009)

หลังจากนั้นผ่านมาเป็นเวลากว่า 3 ปี ทั้งสองคนขยับอันดับของตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆ ก่อนจะมาถึงอันดับที่ 22 ของโลกในปัจจุบันนี้

จากนั้นเดชาพล ได้ทดลองมาเล่นประเภทคู่ผสมอีกประเภท ด้วยการจับคู่กับทรัพย์สิรี ลงแข่งขันครั้งแรกในรายการชิงแชมป์ประเทศไทย SCG All Thailand เมื่อปี 2015 และทำผลงานดีขึ้นตามลำดับ ก่อนจะมาพีคสุดๆ ในปีนี้ ตั้งแต่การแข่งขัน “ปริ๊นเซส สิริวัณณวรี ไทยแลนด์ มาสเตอร์ส2017” ที่ผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้ จากนั้นก็ประเดิมแชมป์แรกของปีนี้ ในการแข่งขันกรังด์ปรีซ์โกลด์ “โยเน็กซ์ สวิส โอเพ่น” ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

จากนั้นยังรักษาฟอร์มได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยการเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศรายการระดับซุปเปอร์ซีรีส์เป็นครั้งแรก ในรายการ “โอยูอี สิงคโปร์ โอเพ่น”ที่ประเทศสิงคโปร์ และเข้าชิงชนะเลิศรายการชิงแชมป์เอเชีย ที่ประเทศจีน เป็นรายการที่สองติดต่อกัน

เมื่อดูจากบุคลิกเวลาแข่งขันดูเหมือนว่า บาสที่เล่นอย่างสุขุม จะเป็นคนที่ค่อนข้างเงียบๆ เรียบร้อย ซึ่งเจ้าตัวเผยว่าคนรอบตัวจะไม่ค่อยบอกว่าตัวเองนั้นเป็นคนเงียบ แต่ส่วนใหญ่จะชอบบอกว่าเป็นคนตัวเล็กมากกว่า นอกจากนี้ยังรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนกวนๆ มากกว่า หากสนิทๆ กัน

“จริงๆ ในสนามกับนอกสนามไม่ค่อยแตกต่างกันครับ เพียงแต่อยู่ข้างนอกอาจจะออกกวนๆ สักหน่อย ชอบเล่นมุกด้วย หากสนิทกันครับ”

แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่สามารถก้าวขึ้นมาคว้าแชมป์ในระดับซุปเปอร์ซีรีส์ได้ แต่เดชาพล ตั้งเป้าหมายระยะสั้นไว้ว่าในเร็วๆ นี้จะต้องคว้าแชมป์แรกระดับซุปเปอร์ซีรีส์ให้ได้

เมื่อถูกถามว่าเคยคิดไหมว่าตัวเองจะก้าวขึ้นมาถึงจุดนี้ในชีวิตนักกีฬา?เดชาพล กล่าวว่า “ช่วงเวลาที่ผ่านมากว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ต้องยอมรับเลยว่าเหนื่อยมาก เพราะต้องเต็มที่ตลอดไม่ว่าจะเป็นเวลาแข่งหรือเวลาฝึกซ้อม แต่ผมก็ถือว่าที่ทำลงไปมันประสบผลอย่างดี และก็เกินเป้าหมายที่เคยตั้งเอาไว้ด้วยซ้ำ ไม่เคยคิดว่าจะมาถึงในจุดนี้ได้”

เดชาพล ยังกล่าวอีกว่า นอกจากการตั้งเป้าคว้าแชมป์ซุปเปอร์ซีรีส์ในปีนี้ให้ได้แล้ว ตอนนี้ยังจะต้องรักษาอันดับโลกของตัวเองเอาไว้ให้ได้อย่างต่อเนื่องที่สุด เพื่อจะได้ติดอันดับ 1-8 ของโลก ได้สิทธิเข้าร่วมแข่งขัน “ดูไบ เวิลด์ ซุปเปอร์ซีรีส์ ไฟนอล” ที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในช่วงสิ้นปีนี้ให้ได้

ขณะที่เร็วๆ นี้จะมีการแข่งขันซีเกมส์ ที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งแน่นอนแล้วว่า เดชาพล จะเป็นกำลังสำคัญของทัพนักกีฬาไทย ทั้งในประเภททีมชาย,ชายคู่ และคู่ผสม

เอาจริงๆ แล้ว แบดมินตันไทยอาจจะมีนักกีฬาชายขึ้นมาไม่มากเท่ากับผู้หญิง แต่เดชาพลก็ถือเป็นนักกีฬาคุณภาพที่มีศักยภาพพร้อมที่จะเป็นกำลังสำคัญของวงการแบดมินตันไทยในอนาคตต่อไปอีกหลายปี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image