อานิสงส์เยนอ่อนค่า-น้ำมันขึ้นราคาดันราคายางเพิ่ม

นายธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า ในขณะนี้ปัจจัยจากต่างประเทศหลายอย่างส่งผลให้ราคายางปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่สภาพอากาศของไทยมีฝนตกชุก ชาวสวนไม่สามารถกรีดยางได้ ปริมาณน้ำยางออกสู่ตลาดน้อยลงเป็นผลให้ราคาปรับขึ้น นอกจากนี้มาตรการที่สนับสนุนให้หน่วยงานรัฐบาลใช้ยางให้แล้วเสร็จใน 3 เดือนโดยมติ คณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมาอนุมัติงบประมาณรวม 16,000 ล้านบาท และกยท.ได้เข้าซื้อยางในตลาดในฐานะกองทุนสร้างเสถียรภาพราคา 1,200 ล้านบาท แล้วเมื่อต้นสัปดาห์ ทั้งหมดทำให้แนวโน้มราคาปรับเพิ่มขึ้น โดยจากการรายงานของตลาดกลางยางพาราจังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ยางแผ่นดิบแตะระดับ 53.28 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ปรับตัวสูงขึ้น 0.70 บาทต่อกก. และยางแผ่นรมควันตะระดับ 56.56 บาทต่อกก. ปรับตัวสูงขึ้น 0.37 บาทต่อกก. ในทิศทางเดียวกับตลาดล่วงหน้าโตเกียวโดยมีปัจจัยบวกมาจากเงินเยนอ่อนค่า และการปรับขึ้นของราคาน้ำมัน ประกอบกับนักลงทุนขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรปหรืออียู อย่างไรก็ตามราคายางยังมีปัจจัยลบจากเงินบาทที่เคลื่อนไหวอยู่ในระดับแข็งค่า และนักลงทุนบางส่วนยังคงระมัดระวังในการซื้อขายก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะเริ่มการประชุม

นายธีธัช กล่าวว่า สำหรับการนำยางไปใช้งานในหน่วยงานภาครัฐ รวมทั้งสิ้นประมาณ 22,000 ตัน ซึ่งกรมชลประทานนำไปใช้บางแล้ว จำนวน 100 ตัน กรมปศุสัตว์ จำนวนประมาณ 1,272.60 ตัน กรมส่งเสริมสหกรณ์ จำนวนประมาณ 231 ตัน กรมประมง จำนวนประมาณ 165.79 ตัน ที่เหลือคาดว่าจะผลักดันให้นำไปใช้ในช่วง 3 เดือนนี้ได้ และในเดือนสิงหาคมนี้ จะรับปริมาณความต้องการใช้ของหน่วยงานภาครัฐในปี 61 นอกจากนี้ กยท. ยังลงนามบันทึกข้อตกลง กับกองทัพบก เพื่อใช้ยางในเทคโนโลยีทางการทหารและกับบริษัทปตท.จำกัด(มหาชน) เพื่อสนับสนุนการใช้ยางประชารัฐโดยฟรีค่าบริการ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image