นายนิธิศ มนุญพร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) กล่าวว่า จากการที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือเอสเอ็มอี เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายสมคิดต้องการให้แบงก์ลดดอกเบี้ยช่วยเหลือเอสเอ็มอีมากที่สุด จากปัจจุบันธนาคารบวกดอกเบี้ยเพิ่มจากปกติ 3-5% สำหรับการกู้เงินของเอสเอ็มอี ถือเป็นต้นทุนสูงพอสมควร
นายนิธิศกล่าวว่า ในวันที่ 1 สิงหาคม จะมีการเสนอมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในส่วนของ บสย. เสนอให้เพิ่มการค้ำประกันความเสียหายเป็นของโครงการค้ำประกันระยะที่ 6 (พีจีเอส 6) เป็น 30% ของหนี้เสีย จากเดิมค้ำประกัน 23.75% รวมถึงลดค่าธรรมเนียมค้ำประกันช่วง 4 ปี จากเดิมเอสเอ็มอีต้องจ่าย 7% ช่วง 4 ปีเหลือเพียง 3% โดยเป็นการลดค่าธรรมเนียมแบบขั้นบันไดจากปกติ 1.75% ต่อปี เป็นในปีแรก ฟรี, ปีที่ 2 เสีย 0.5% ต่อปี, ปีที่ 3 เสีย 1% ต่อปี, ปีที่4 เสีย 1.50% ต่อปี
นายนิธิศกล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังกำลังพิจาณาในส่วนข้อเสนอ บสย. เพราะรัฐบาลต้องชดเชยให้ บสย.เป็นเงินหลักพันล้านบาท ถ้าข้อเสนอดังกล่าวผ่าน ครม. บสย.พร้อมดำเนินการทันที คาดว่าทำให้ธนาคารกล้าปล่อยสินเชื่อช่วยเอสเอ็มอีมากขึ้น ซึ่งพีจีเอส 6 มีวงเงินค้ำประกัน 1 แสนล้านบาท มีระยะเวลาโครงการถึงเดือนมิถุนายน 2561 เริ่มมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2559 จนถึงล่าสุดผ่านมาเกือบ 9 เดือนค้ำประกันไปได้เพียง 1.7 หมื่นล้านบาท ทำให้ต้องปรับปรุงแนวทางการช่วยเหลือให้จูงใจมากขึ้น
“เมื่อ บสย.เพิ่มการค้ำประกันให้มากขึ้น รวมถึงลดค่าธรรมเนียมลง รองนายกฯ อยากเห็นธนาคารลดดอกเบี้ยช่วยลูกค้าเอสเอ็มอีบ้าง คาดว่าหลังมาตรการดังกล่าวผ่าน ครม.จะได้เห็นแบงก์ทยอยประกาศลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอี โดยสมาคมธนาคารไทยรับเรื่องลดดอกเบี้ยไปพิจารณาแล้ว รวมถึงรับปากที่จะผลักดันการค้ำประกันสินเชื่อพีจีเอส 6 ที่ยังเหลืออยู่กว่า 8 หมื่นล้านบาทให้หมดโดยเร็ว” นายนิธิศกล่าว
นายนิธิศกล่าวว่า ในปีนี้ บสย.มีเป้าหมายค้ำประกันสินเชื่อปีนี้ 8.6 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันมียอดค้ำประกันอยู่ที่ 3.38 หมื่นล้านบาท การปรับปรุงแนวทางค้ำประกันพีจีเอส 6 เป็นส่วนช่วยทำให้ยอดการค้ำประกันปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายวางไว้
