“พาณิชย์”รับมือลำไยล้นตลาด ปิ๊งไอเดียดึง “ลำไย ไหทองคำ” ช่วยทำตลาด

ที่กระทรวงพาณิชย์ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยกรณีราคาลำไยในขณะนี้ลดต่ำลง และผลผลิตจะออกมามากที่สุดในเดือนสิงหาคมนี้ว่า ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในส่งเสริมและเปิดตลาดลำไยทั่วประเทศให้ทันกับสถานการณ์ที่ผลผลิตออกมามากเป็นพิเศษ คาดว่าปีนี้ผลผลิตลำไยจะออกมาประมาณ 970,000 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่มีผลผลิต 750,000 ตัน เป็นการบริหารจัดการปริมาณผลผลิตไม่ให้ราคาตกต่ำซึ่งจะช่วยรักษาระดับราคาให้มีเสถียรภาพ โดยจะเข้าไปเชื่อมโยงผลผลิตจากเกษตรสู่ตลาดต่างๆและให้ถึงมือผู้บริโภคโดยตรง

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า กรมการค้าภายในจะเข้าไปส่งเสริมให้เกิดตลาดผลไม้ที่เน้นขายลำไยเป็นหลักในภูมิภาคประมาณ 3-4 แห่ง และประสานกับโมเดิร์นเทรดซึ่งมีสาขากระจายทั่วประเทศรวม 2,800 สาขา ทั้งห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ห้างค้าปลีกและส่ง นอกจากนี้จะร่วมกับพันธมิตรกระทรวงพาณิชย์ช่วยเปิดตลาดลำไยในพื้นที่ของตัวเองด้วย เช่น การเคหะแห่งชาติ ซึ่งมีชุมชนที่อยู่ในความดูแลถึง 760 แห่งทั่วประเทศ และสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ซึ่งมีชุมชนในความดูแล 20,000 แห่ง

นายสนธิรัตน์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ได้เพิ่มช่องทางขายลำไย ผ่านการค้าออนไลน์ที่เว็บไซต์ www.eastfruit.org หรือ www.thaicommercestore.com ซึ่งนอกจากเป็นช่องทางซื้อขายแล้ว ยังสามารถค้นหาข้อมูลสถานการณ์ผลผลิตได้ด้วย สำหรับการส่งเสริมตลาดลำไยในประเทศผ่านช่องทางต่างๆ ดังกล่าวแล้ว ได้มีแนวคิดจะเชิญนางสาวสุพรรณษา เวชกามา หรือลำไย ไหทองคำ นักร้องลูกทุ่งชื่อดังมาเป็นพรีเซ็นเตอร์โปรโมทกิจกรรมทางการตลาดของลำไย ซึ่งรูปแบบการจัดกิจกรรมจะเหมือนกับกรณีการเชิญนายอิศรา กิจนิตย์ชีว์ หรือทอม รูม 39 นักร้องชื่อดัง ที่สวมหน้ากากทุเรียนในรายการเดอะแมสซิงเกอร์ มาร่วมเปิดตัวการจัดกิจกรรมโปรโมทผลไม้ทุเรียนที่กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งจัดขึ้นก่อนหน้านี้ เพื่อสร้างการรับรู้ และการจดจำให้ผู้บริโภค

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ขณะที่ตลาดต่างประเทศ ได้หาตลาดส่งออกรอบรังผลผลิตลำไยอีกทางหนึ่ง ขณะนี้มีผู้ซื้อจากต่างประเทศเริ่มเดินทางเข้ามาเจรจาซื้อขายลำไยแล้ว เช่น จีน ฮ่องกง อินโดนีเซีย มาเลเซีย และประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะอินโดนีเซีย ที่มีข่าวดีที่รัฐบาลได้ออกใบอนุญาตนำเข้าให้แก่ผู้นำเข้ารายใหญ่ ทำให้เริ่มมีการสั่งซื้อลำไยเพื่อส่งออกไปยังอินโดนีเซียบ้างแล้ว กระทรวงฯยังได้เตรียมแผนรับมือระยะยาว ผ่านการหาตลาดใหม่รองรับผลผลิต เช่น อินเดีย เกาหลี และรัสเซีย รวมไปถึงจะเข้าไปส่งเสริมให้เกษตรและวิสาหกิจชุมชนในแหล่งเพาะปลูก พัฒนาผลผลิตผ่านการแปรรูปผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อเพิ่มมูลค่า เช่น ลำไยอบแห้งสีทอง ไวน์ลำไย เป็นต้น

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image