ผู้เขียน | สุรีย์ประภา |
---|
Dunkirk หนังสมจริง งานภาพขั้นเทพ ดนตรีประกอบสุดยอด
คงจะไม่มีคอหนังคนไหนที่ไม่รู้จัก คริสโตเฟอร์ โนแลน ผู้กำกับมือทองที่มีค่าตัวมากที่สุดคนหนึ่งของโลก ที่สามารถกำกับหนังฮอลลีวูดได้ในสไตล์ที่ไม่ต้องลดความเป็นตัวของตัวเอง แฟนคลับโนแลนก็มีมากมาย และหนังของเขาก็แทบจะพูดได้ว่า ไม่มีเรื่องไหนที่ขาดทุน
Batman Begins ที่โนแลนกำกับ ปลุกหนังแบทแมนให้ผู้ชมจดจำแบทแมนในมิติใหม่ และ The Dark Knight ก็เป็นแบทแมนเวอร์ชั่นที่ประทับใจคนดูที่สุด จนทำรายได้ทั่วโลกกว่าพันล้านเหรียญ
สำหรับ Dunkirk เป็นหนังสงครามเรื่องแรกของโนแลน แต่เขากลับมองว่า “ผมคิดว่ามันไม่ใช่หนังสงคราม แต่เป็นหนังที่มีความเป็นมนุษย์ที่สุดตั้งแต่เคยทำมา”
โทนของหนังออกแนวดราม่าทริลเลอร์ มากกว่าจะเป็นหนังแอคชั่นทริลเลอร์ ในการกำกับหนังเรื่องนี้ “ผมต้องการให้ผู้ชมได้รับความรู้สึกแบบเดียวกันกับทหารเหล่านั้น ทั้งความกลัว และความดิ้นรนอยากมีชีวิตรอด ผมอยากพาพวกคุณเข้าไปในเหตุการณ์นั้นและรู้สึกว่าคุณกำลังอยู่ที่นั่นจริงๆ เปลี่ยนคำว่าผู้ชมให้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวบนชายหาด”
Dunkirk เล่าเรื่องต่างจากหนังสงครามอื่นๆ ไม่มีฉากการปะทะกันรุนแรงในสมรภูมิรบ ในหนังไม่ปรากฏภาพทหารเยอรมันเลยแม้แต่คนเดียว รวมทั้งไม่เล่าความเป็นมาของสงคราม หรือมีการปูเรื่องให้คนดูเข้าใจว่า เพราะเหตุใดทหารอังกฤษและฝ่ายสัมพันธมิตร 400,000 คนจึงติดอยู่บนชายหาด และเป็นเป้านิ่งให้ศัตรูรุกไล่
หนังใช้ภาพและซาวด์ประกอบเล่าเรื่องและสร้างอารมณ์คนดู ให้สัมผัสถึงความจนตรอกของทหารฝ่ายสัมพันธมิตร ที่รอคอยเรือพิฆาตที่จะมารับพวกเขากลับบ้าน ซึ่งมองเห็นลิบๆ แค่ 25 ไมล์ (ประมาณ 41 กิโลเมตร) แต่ไปไม่ถึง เพราะโดนสกัดกั้นอย่างหนัก จากเครื่องบินทิ้งระเบิดของเยอรมัน แถมเรือพิฆาตที่จะมารับก็มีจำกัด และเทียบท่ายากเพราะชายฝั่งตื้นและคลื่นลมแรง
ตัวละครเด่นในเรื่องมีสามกลุ่ม ภาคพื้นดินเป็นทหารชั้นผู้น้อยที่พยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอดกลับบ้าน เฟียน ไวท์เฮด (จากซีรีส์เรื่อง Him) และแฮร์รี่ สโตน (สมาชิกบอยแบนด์ของงวง One Direction) ไวท์เฮด แสดงได้ดีมากแววตาเคร่งเครียด สีหน้าหวั่นวิตก ส่วนสโตน แม้ Dunkirk จะเป็นหนังเรื่องแรกของเขา แต่โนแลนก็การันตีว่า “เขาทำมันออกมาได้อย่างน่าทึ่งเลยล่ะ”
บนชายฝั่งยังมีนายทหารอังกฤษระดับสูงที่คอยกำกับการอพยพ แสดงโดย เคนเนธ บรานาห์ ผู้กำกับและนักแสดงชั้นนำ (หนังที่เขากำกับเช่น Cinderella, Thor, Jack Ryan: Shadow Recruit) บทนายพลผู้รับผิดชอบและกล้าหาญของเขา ได้ใจคนดูมาก โดยเฉพาะประโยดสุดท้ายที่เขาบอกว่า เขาจะไม่กลับอังกฤษไปกับกองเรือที่มาอพยพ แต่จะอยู่ต่อเพื่อช่วยฝรั่งเศสต่อสู้กับทหารนาซี ชอบจนคงต้องตามดูบรานาห์กำกับ และแสดงเป็นนักสืบปัวโรต์ในหนัง Murder on the Orient Express 2017 ที่กำลังจะเข้าฉายในปีนี้
ภาคท้องทะเลมี มาร์ค ไรแลนซ์ (เจ้าของรางวัลออสการ์จากเรื่อง Bridge of Spies) รับบทเจ้าของเรือประมงที่นำเรือส่วนตัวออกช่วยพาทหารกลับบ้าน หนังเรื่องนี้มีบทสนทนาไม่มาก แต่บทพูดของมาร์ค ไรแลนซ์ น่าสนใจ สะท้อนมุมมองของพลเรือนต่อสงครามและการปฏิบัติการครั้งนี้
ภาคอากาศ มีเครื่องบินต่อสู้ของกองทัพอากาศเพียงสามลำเท่านั้น ที่คอยคุ้มกันไม่ให้การอพยพทางทะเลถูกเครื่องบินข้าศึกโจมตีและทิ้งบอมม์ ทอม ฮาร์ดี้ เป็นเสืออากาศที่เป็นฮีโร่มากๆ เกจวัดน้ำมันพังและน้ำมันกำลังจะหมด แต่ไม่ยอมกลับฐานทัพ กลับยอมเสี่ยงชีวิตนำเครื่อง Spitfire ปะทะศัตรูบนน่านฟ้าเพื่อปกป้องทหารพันธมิตรที่ไร้ทางต่อสู้เบื้องล่าง คนดูแทบจะไม่รู้ว่านักบินผู้ห้าวหาญคนนี้คือ ทอม ฮาร์ดี้ เพราะใส่หน้ากากนักบินเกือบตลอดทั้งเรื่อง มารู้ตอนท้าย ซึ่งน่าขำ เพราะก่อนหน้านี้ ทอม ฮาร์ดี้ ก็แสดงหนังของโนแลนเรื่องแบทแมนที่เกือบทั้งเรื่องเขาต้องสวมหน้ากากไว้เช่นกัน
แม้จะมีตัวละครดังกล่าว แต่การเล่าเรื่องไม่เน้นไปที่ตัวละคร หนังตัดไปตัดมาระหว่างสถานการณ์บนดิน กลางอากาศ และท้องทะเล คนดูอาจไม่ทันจำได้ว่าตัวละครชื่ออะไรบ้าง เพราะศูนย์กลางของเรื่องไม่ได้อยู่ที่ตัวละคร แต่อยู่ที่เหตุการณ์การอพยพ
ซึ่งเป็นความตั้งใจของโนแลนที่จะให้หนังออกมาแบบนี้ “หนังพูดถึงเรื่องราวของทหารราว 400,000 คน ที่ต้องอพยพจากหาดดันเดิร์ก มันมีเรื่องราวมากมายที่น่าจะให้ความสำคัญมากกว่าการเจาะจงตัวละครแต่ละตัว”
หนังมีจุดยืนและมีสไตล์การทำหนังที่มีลายเซ็นความเป็นโนแลนชัดเจน โนแลนไม่นิยมการสร้างหนังโดยใช้วิชวลเอฟเฟ็กต์เพราะเขาบอกว่า วิชวลฯ มีไว้เพื่อลวงตาคน เขาใช้ CG น้อย และทำงานแบบโอลด์สคูลคือสร้างฉากและใช้ของจริงให้มากที่สุด
Dunkirk ถ่ายทำในประเทศฝรั่งเศส ณ สถานที่ที่ใกล้เคียงกับที่จริง มีการสร้างฉากจริงๆ ขึ้นมา เรือพิฆาตบางลำ และเครื่องบิน Spitfire ก็เป็นของจริง โนแลนติดตั้งกล้อง IMAX ไว้หน้าเครื่องบินรบโบราณเพื่อให้ได้ภาพที่สวยงามและสมจริง ฉากไล่ล่ากันกลางอากาศระหว่างเครื่องบินรบทั้งสองฝ่าย ภาพและซาวด์ประกอบดึงคนดูให้ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ทั้งตื่นเต้น และลุ้นระทึก
นอกจากงานภาพขั้นเทพแล้ว ที่สุดยอดมากๆ ก็คือ สกอร์เพลงของฮานส์ ซิมเมอร์ (นักประพันธ์เพลงระดับออสการ์จาก The Lion King) ซิมเมอร์ร่วมงานกับโนแลนหลายเรื่องเช่น Batman Begins, The Dark knight, Inception, Interstellar ใน Dunkirk งานของซิมเมอร์ครีเอทีฟและเท่มาก ผสานเสียงดนตรีกับเสียงเดินของนาฬิกา ใบพัดเครื่องบิน เสียงระเบิดและสัญญาณเตือนภัย
เป็นงานระดับมาสเตอร์พีซที่อยากจะฟันธงว่า น่าจะมีโอกาสได้เข้าไปลุ้นในเวทีออสการ์ปีนี้