รบ.ลุยหาตัวคนปล่อยข่าว อ.น้องแต่งดำตักบาตร มาลงโทษ ยันแต่งถูกต้องตามประกาศ

“ไก่อู” ยันไม่ได้สั่งลบภาพภรรยานายกฯแต่งดำงานตักบาตร 28 ก.ค. ยัน “อ.น้อง” แต่งกายถูกต้องตามประกาศสำนักนายกฯ ประณามพวกน่าอายจ้องบิดเบือนข้อมูลทำลายชื่อเสียง เร่งหาคนปล่อยข่าวลงโทษ วอนประชาชนระมัดระวังในการรับข้อมูลข่าวสาร

เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีชี้แจงกรณีมีข่าวลือส่งต่อกันทางแอพพลิเคชั่นไลน์และสื่อต่างๆ ว่า ตนสั่งให้หนังสือพิมพ์และสื่อมวลชนลบภาพนางนราพร จันทร์โอชา ภริยาของนายกรัฐมนตรีที่แต่งกายชุดดำประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์และพิธีทำบุญตักบาตรถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และถวายพระพรชัยมงคลกับถวายพระราชกุศลสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาในวันที่ 28 กรกฎาคม 2560 ที่บริเวณพระลานพระราชวังดุสิตนั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง

“การแต่งกายของภริยาของนายกฯเป็นไปตามประกาศของสำนักนายกรัฐมนตรีที่กำหนดให้การแต่งกายของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นชุดปกติขาวไว้ทุกข์ ส่วนคู่สมรสที่เป็นหญิงแต่งกายชุดไทยจิตรลดาหรือชุดไทยอมรินทร์สีดำ ดังจะเห็นได้ว่าคู่สมรสที่เป็นสตรีของ ครม.ก็แต่งกายเช่นเดียวกันกับนางนราพร” พล.ท.สรรเสริญกล่าว

พล.ท.สรรเสริญกล่าวต่อว่า กรณีพบว่ามีการตัดต่อบิดเบือนภาพข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เพื่อให้เกิดความเข้าใจผิดว่าภรรยานายกฯจงใจแต่งกายขัดกับที่กำหนดในหนังสือของสำนักนายกฯ เสมือนเป็นการไม่ถวายพระเกียรตินั้น ระยะนี้มีการบิดเบือนข้อมูลเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลอยู่บ่อยครั้ง ขอให้ประชาชนรับข้อมูลข่าวสารอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของเล่ห์กลทางการเมือง

Advertisement

“การทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลอาจเป็นเรื่องธรรมดาของการเมืองที่เกิดขึ้นในทุกยุคทุกสมัย แต่การบิดเบือนข้อมูล ดึงเอาผู้ไม่เกี่ยวข้องอย่างภรรยานายกฯ หรือคู่สมรสของ ครม.ต่างๆ มาทำลายชื่อเสียงนั้น ถือเป็นเรื่องน่าอาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพยายามดึงเอางานพิธีในโอกาสสำคัญของชาติเข้ามาเกี่ยวข้องอีก เป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้จริงๆ ทั้งนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งตรวจสอบหาตัวผู้สร้างข่าวบิดเบือนเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมาประชาชนได้รับทราบมาตลอดว่าแม้การสืบหาตัวผู้กระทำความผิดเหล่านี้จะเป็นเรื่องไม่ง่ายนัก แต่ก็ไม่เกินกำลังความสามารถของเจ้าหน้าที่ โดยได้มีการดำเนินคดีไปแล้วหลายราย เช่น กรณีเว็บไซต์และแฟนเพจปลอมของสำนักข่าวไทยรัฐ และสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 ที่เผยแพร่ข่าวสารข้อมูลจากรัฐบาลที่บิดเบือนสร้างความสับสนให้ประชาชน หรือในกรณีการเผยแพร่จดหมายบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญ เป็นต้น” พล.ท.สรรเสริญกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image