คนซึ่งเติบโตมากับหนังไทยยุคพระนางคู่ขวัญ ไม่ว่าจะเป็น มิตร-เพชราหรือ สมบัติ-อรัญญา ย่อมเข้าใจดีว่า ที่ไปดู มิตร ชัยบัญชา เล่นหนังเรื่องนั้นเรื่องนี้ ที่เคยสมบุกสมบันแสดงเดือนหนึ่งๆนับสิบเรื่องนั้น มิใช่เพราะฝีไม้ลายมือการแสดงของพระเอกยอดนิยมนามนี้ ไม่ใช่ว่าแสดงดีหรือไม่ดี แสดงได้สมบทบาทหรือไม่สมบทบาท นั่นเป็นอีกประเด็น
แต่ที่ไปชมหนังซึ่งมิตร ชัยบัญชาเล่นก็เพราะ จะได้ปลื้มกับมิตรที่เที่ยวนี้เล่นเป็นตำรวจ ปลื้มกับมิตรที่เรื่องนี้เล่นเป็นผู้ร้ายผู้ดี ปลื้มกับมิตรที่เล่นเศรษฐี หรือไปดูมิตรที่เล่นเป็นขอทานเสียหน่อย ฯลฯ
ปลื้มที่ได้ดูมิตรเล่น ไม่ว่าจะเล่นเป็นตัวอะไรแบบไหนก็เป็นพระเอกในดวงใจตั้งแต่ต้นจนจบ ดูแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ดูแล้วอิ่มอกอิ่มใจ เป็นมิตร ชัยบัญชาคนเดิมคนเดียวกันที่รักจริงใจ
เช่นเดียวกับดู เพชรา เชาวราษฎร์ ไม่ว่าจะเป็นลูกสาวคหบดีมีเงิน หรือเป็นชาวนาดำนาด้วยผมเกล้าไม่กระดิกลม ขนตาสวยเป็นแพ ก็ไม่มีอะไรต้องอางขนาง ดูอย่างมีความสุขกลับบ้านนอนฝันหวาน
จึงไม่มีอะไรแปลกที่เห็นบรรดาผู้นิยมชมชอบดาราคู่ขวัญอย่าง ณเดชน์-อุรัสยา จะเพลิดเพลินกับการดูทั้งสองพระนางแสดงละครให้ชม
‘เล่ห์ลับสลับร่าง’ ออกอากาศตอนแรก ก็สร้างความสำราญกับผู้ติดตามดาราทั้งสองได้
แถมยังตื่นเต้นกับการพลิกบทร้ายเป็นนางเอกขี้วีน เห็นแก่ตัว เหยียบย่ำเพื่อนร่วมงาน ฯลฯ ต๊าย, ชาตินี้ไม่เคยคิดว่าจะเห็นญาญ่าเปล่งคำว่า “อีโง่” ออกจากปาก ระบุว่าญาญ่านะเจ้าคะ ไม่ใช่ตัวละครในหนัง
สรุปว่า กว่าครึ่งศตวรรษผ่านไป คนดูหนังดูละครไทยรักพระนางคนไหน ก็เฝ้ารักเฝ้าเอ็นดูพระนางของเขาอยู่นั่นเอง
ดูพระนางของเขาแสดงหนัง ไม่ใช่ดูตัวละครในหนัง
ละครชุดนี้เป็นเรื่องของนายตำรวจมือปราบ กับดาราสาวระดับรางวัลนานาชาติ ไข่มุกแห่งเอเชีย ที่มีอันต้องประสบเหตุพิศดาร สับเปลี่ยนร่างกัน หญิงในร่างชายกับชายในร่างหญิง น่าจะสร้างความสนุกสนานเฮฮากับผู้ชมได้ ด้วยพฤติกรรมตามท้องเรื่อง ที่ผู้ชมอยากเห็นว่า ตัวพระของเขาจะเล่นเป็นตัวนางอย่างไร และตัวนางในร่างตัวพระนั้น จะแสดงให้ผู้ชมครื้นเครงขนาดไหน
เรื่องเริ่มด้วยนายตำรวจมือปราบนำคณะกวาดล้างแก๊งยาเสพติด ขณะเดียวกันก็ได้ช่วยนักข่าวสาวตัวประกันออกมา มีชื่อเสียงโด่งดังชั่วข้ามคืน ระหว่างนั้นดาราสาวชื่อก้องก็ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมระดับทวีปกลับมา ผู้จัดการดาราหัวใสจึงคิดเชิญนายตำรวจคนดัง มาเล่นละครรับเชิญด้วยสักฉากสองฉาก โดยอ้างเลิฟซีนเข้าล่อให้รับปาก
หากจะให้คะแนนกันยกต่อยกแบบนักมวย ตอนแรกซึ่งยังคงบอกอะไรไม่ได้มาก หากอุรัสยาก็ทำคะแนนนำไปหน่อย กับบทที่เล่นให้เว่อๆสักนิดระหว่างไปรับรางวัลเมืองนอก และกลับมาเล่นละครเป็นจริงเป็นจัง ก่อนจะแหวใส่นางร้ายจนคนดูหลายคนตกใจ
ส่วนณเดชน์ที่ว่าคะแนนยังตามหลังก็เพราะยังแสดงออกไม่ชัด ว่าเป็นอย่างไรกันแน่ บทเหมือนเป็นคนโลเลใจง่าย หรือเจ้าชู้ก็ยังไม่รู้ชัด จะเพราะหน้าตาดูเป็นคนดีไม่ใช่คนกะล่อนหรือไงไม่รู้ อีกทั้งบุคลิกให้เชื่อว่าเป็นนายตำรวจมือปราบก็ยังเห็นไม่ชัด
ไอซ์ ปรีชญา พงษ์ธนานิกร เสียอีก ที่ดูน่ารักน่าถนอม เล่นได้อารมณ์คู่หมั้นซึ่งว่าที่เจ้าบ่าวไม่ค่อยสนใจได้จริงจัง ขณะที่ ต่อ ธนภพ ลีรัตนขจร หมวดอาคมก็เล่นได้นุ่มนวลซ่อนความรู้สึกรักข้างเดียวได้น่าชม
วิธีเสนอของหนังทำให้นึกถึงฉากหนังเกาหลีอย่างช่วยไม่ได้ ตอนที่พระกับนางสวนทางกันระหว่างที่ยังไม่รู้จัก คอนโดที่นางเอกอยู่ หรือฉากกินข้าวด้วยกันในคอนโดของคู่หมั้นกับเพื่อน ฯลฯ
ละครชุดเรื่องนี้ยังมีระยะทางอีกยาว ความเข้มข้นหรือความสนุกสนานอาจค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆได้ ไม่อิดออดอ้อยอิ่งเหมือนตอนแรก ขึ้นอยู่กับการกำกับของ กฤษณ์ ศุกระมงคล เพื่อน ‘บุญชู’ คนคร่ำวงการ จะกระชับบทได้ดึงดูดแค่ไหน
จะคอยติดตามดู.
…
นน อิน จัน
