เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ที่มีนพ.ธีระเกียรติ เจริญเศษรฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการศธ. เป็นประธาน มีมติเห็นชอบ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เสนอ กรณีการขอช่วยราชการของข้าราชครูและบุคลากรทางการศึกษาในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.)ชั่วคราว จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) ก่อน และเมื่อ กศจ.ให้ความเห็นชอบแล้ว ผู้ที่จะลงนามให้ไปช่วยราชการคือ ผู้อำนวยการสพท.ต้นสังกัด ตรงนี้ถือเป็นการเคลียในเรื่องของอำนาจหน้าที่ให้มีความชัดเจนมากขึ้น เพราะที่ผ่านมายังมีความสับสนว่าอำนาจทุกอย่างจะไปรวมอยู่ที่กศจ.
นายชัยพฤกษ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ก.ค.ศ. ยังเห็นชอบ ร่างกฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยอำนาจการสั่งลงโทษภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน และลดเงินเดือน พ.ศ. …. เพื่อให้สอดคล้องกับคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 16/2560 และคำสั่งที่ 19/2560 โดยจะนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)เพื่อพิจารณา ให้ความเห็นชอบก่อนประกาศใช้ต่อไป โดยสรุปสาระสำคัญ ร่าง กฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยอำนาจการสั่งลงโทษภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน หรือลดเงินเดือน พ.ศ. …. ได้ดังนี้ นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการเจ้ากระทรวง ปลัดกระทรวง เลขาธิการ อธิบดี หรือตำแหน่งอื่นที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่า ผู้อำนวยการสพท. และ ศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) มีอำนาจลงโทษภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน ลดเงินเดือน ทั้งนี้ ตัดเงินเดือนได้ครั้งหนึ่งในอัตรา ร้อยละ 2 หรือร้อยละ 4 ของเงินเดือน เป็นเวลา 1 เดือน 2 เดือน หรือ 3 เดือน ลดเงินเดือนได้ในอัตราร้อยละ 2 หรือร้อยละ 4 ของเงินเดือนผู้นั้นได้รับในวันที่มีคำสั่งลงโทษ ผู้อำนวยการสถานศึกษา มีอำนาจลงโทษภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน
