การปรากฏขึ้นของ “พันธมิตร” ต่อผลสะเทือนจากคดีสลายการชุมนุมเมื่อเดือนตุลาคม 2551
ก็เหมือนการปรากฏขึ้นของ “ชาวสวนยาง”
จะไปกล่าวหาว่า “พันธมิตร” ยืนอยู่ตรงกันข้ามกับ “คสช.”และ “รัฐบาล” ก็คงไม่เต็มปากเต็มคำนัก
เพราะยืนอยู่กับ “คสช.” มาตลอด
เกษตรกร “ชาวสวนยาง” จากภาคใต้ก็ไม่แตกต่างไปจากกรณีของ “พันธมิตร”
พวกเขาเดือดร้อนตั้งแต่ปี 2558 มาแล้ว
แต่เมื่อ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ขอร้องบนความเชื่อมั่นที่ว่า นี่เป็น “รัฐบาลของพวกเรา” ชาวสวนยางจึงอดทน
แล้วทำไมจึงมาหงุดหงิดเอาในปี 2560
มีความจำเป็นที่ไม่เพียงแต่ “พันธมิตร” หรือเกษตรกร”ชาวสวนยาง” จะต้องทำความเข้าใจต่อ “คสช.”
หาก “คสช.”ก็ต้องทำความเข้าใจด้วย
เพราะ “พันธมิตร” อดทนมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2551 แล้ว เพราะเกษตรกร”ชาวสวนยาง”ก็อดทนมาตั้งแต่หลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 แล้ว
เป็นความอดทนท่ามกลางการรอคอย
รอคอยจากเดือนพฤษภาคม 2557 ถึงเดือนพฤษภาคม 2558 ถึงเดือนพฤษภาคม 2559 และผ่านเดือนพฤษภาคม 2560 มา
เวลา 3 ปีเศษย่อมทำให้ “ปัญหา” ที่หมกอยู่ใต้ผืนพรมปรากฎขึ้น
แล้วก็ตกอยู่ในมือของ “คสช.”
แท้จริงแล้ว ปัญหาไม่ว่าจะของ”พันธมิตร” ไม่ว่าจะของเกษตรกร “ชาวสวนยาง” คือความต่อเนื่อง
ต่อเนื่องจากรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549
ต่อเนื่องจากรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
เพราะว่าเมื่อ “อาสา” เข้ามา ที่มาพร้อมกับเสียงเพลงของ”คสช.”ก็คือ
ขอเวลาอีกไม่นาน ก็จะ “คืนความสุข”ให้
จึงเป็นธรรมดาที่ ไม่ว่า “พันธมิตร” ไม่ว่าเกษตรกร“ชาวสวน ยาง” ย่อมจะต้องทวงถามถึง “ความสุข“